วิตามินอาหารเสริมควรกินตอนไหนได้ประโยชน์และดีต่อสุขภาพ ปัจจุบันการใช้ชีวิตของผู้คนทุกเพศทุกวัยสวนทางกับความต้องการดูแลสุขภาพ เพราะต่างต้องเรียน ทำงาน และทำกิจกรรมต่าง ๆ มากมายในแต่ละวัน ทำให้อาจไม่ได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ดังนั้นวิตามินอาหารเสริมจึงเป็นเหมือนตัวช่วยดูแลสุขภาพให้แข็งแรง รวมถึงยังช่วยให้ด้านความสวยความงาม แต่ทราบหรือไม่ว่าอาหารเสริมควรรับประทานในช่วงเวลาใดเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้เต็มประสิทธิภาพ บทความนี้จึงนำความรู้ดี ๆ มาฝากกัน
ช่วงเวลารับประทานอาหารเสริมแต่ละชนิดที่ดีที่สุด
คอลลาเจน (Collagen)
คอลลาเจนเป็นอาหารเสริมที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะช่วยบำรุงดูแลร่างกายทั้งด้านความงามและด้านสุขภาพ อาทิ บำรุงผิวให้เรียบเนียนกระจ่างใส บำรุงกระดูกและข้อต่อ บำรุงเส้นผม รวมถึงบำรุงเล็บให้แข็งแรง โดยแนะนำให้รับประทานคอลลาเจนในช่วงเวลาที่ท้องว่างและดื่มน้ำเปล่า และอาจรับประทานร่วมกับวิตามินซีเพื่อให้ร่างกายดูดซึมได้ดี
ลูทีน (Lutein)
อาหารเสริมลูทีนช่วยบำรุงดวงตาและป้องกันโรคตาบางประเภท อาทิ โรคต้อกระจก โรคต้อหิน และโรคจอประสาทตาเสื่อม รวมถึงบำรุงผิวพรรณ บำรุงหัวใจ อีกทั้งช่วยด้านความจำป้องกันโรคอัลไซเมอร์ โดยแนะนำให้รับประทานลูทีนในช่วงเวลาก่อนนอนจะดีที่สุด
น้ำมันปลา (Fish Oil)
อาหารเสริมน้ำมันปลาอุดมไปด้วยสารอาหารและกรดไขมันดีที่สกัดจากปลาทะเลน้ำลึกและปลาทะเลเขตหนาว ช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง ลดความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ บรรเทาอาการปวดไมเกรนและปวดประจำเดือน ซึ่งแนะนำว่าควรรับประทานน้ำมันปลาหลังมื้ออาหารมื้อใดก็ได้ภายในเวลา 30 นาที
โปรตีนจากพืช (Plant-Based Protein)
อาหารเสริมโปรตีนจากพืชสามารถรับประทานได้ทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ผู้ที่รับประทานอาหารวีแกน มังสวิรัติ ผู้ป่วยเบาหวาน และคนทั่วไป ซึ่งเป็นโปรตีนที่ได้จากสารสกัดของพืช ถั่ว และธัญพืช มีประโยชน์กับร่างกายมากมาย อาทิ บำรุงหัวใจให้แข็งแรง เสริมสร้างกล้ามเนื้อ เสริมสร้างระบบย่อยและดูดซึมสารอาหารให้ทำงานได้ดี ช่วยในการขับถ่าย บำรุงข้อเข่า กระดูกและข้อต่อ โดยโปรตีนจากพืชสามารถรับประทานได้ทุกช่วงเวลาเพียงผสมน้ำอุ่นหรือน้ำเย็น
วิตามินซี (Vitamin C)
วิตามินซีเป็นหนึ่งในอาหารเสริมที่ได้รับความนิยมจากคนทุกช่วงวัย ช่วยป้องกันการเป็นหวัด เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ลดเลือดออกตามไรฟัน พร้อมช่วยบำรุงผิวให้ขาวกระจ่างใส และอีกมากมาย โดยขอแนะนำให้รับประทานวิตามินซีในช่วงเวลาหลังอาหารเช้า เนื่องจากร่างกายสามารถดูดซึมได้ดี
ส้มและวิตามินซี
ส้มเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี
วิตามินบี (Vitamin B)
วิตามินมีประโยชน์ต่อร่างกายช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง บำรุงเซลล์เม็ดเลือด บำรุงกล้ามเนื้อ ลดความเสี่ยงเป็นโรคเหน็บชา ช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า และอื่น ๆ โดยแนะนำให้รับประทานในช่วงเวลาเช้าซึ่งเป็นตอนที่ท้องกำลังว่าง หรือเป็นช่วงเวลาระหว่างรับประทานอาหารเช้า
วิตามินอี (Vitamin E)
วิตามินอีสามารถละลายได้ในไขมันจึงขอแนะนำให้รับประทานในช่วงเวลารับประทานอาหาร ช่วงเวลาหลังมื้ออาหารเช้า หรือช่วงเวลามื้ออาหารกลางวัน โดยมีประโยชน์ต่อร่างกายช่วยบำรุงสมองและระบบประสาท บำรุงกล้ามเนื้อ ชะลอวัย ต้านอนุมูลอิสระ และบำรุงผิว
วิตามินดี (Vitamin D)
เป็นที่ทราบกันดีว่าคนเราจะได้รับวิตามินดีในช่วงเช้า แต่ด้วยวิถีชีวิตของผู้คนในปัจจุบันจึงทำให้ได้รับวิตามินได้ไม่เพียงพอ เพื่อช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรงและช่วยให้ดูดซึมแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายได้ดี โดยการรับประทานวิตามินดีจึงควรเป็นช่วงเวลาระหว่างมื้ออาหารหรือหลังอาหารภายในเวลา 30 นาที
คำแนะนำจากแพทย์สำหรับการรับประทานอาหารเสริม
ควรเว้นระยะรับประทานวิตามินอาหารเสริมเพื่อไม่ให้ตกค้างสะสมในร่างกาย
ตรวจหาระดับวิตามินในร่างกายก่อนเพื่อให้ทราบว่าควรรับประทานวิตามินอาหารเสริมชนิดใด
ควรเลือกรับประทานวิตามินอาหารเสริมที่มีคุณสมบัติละลายน้ำซึ่งปลอดภัยและไม่สะสมในร่างกาย
ผู้ที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน เนื่องจากวิตามินอาหารเสริมบางชนิดอาจส่งผลข้างเคียงได้
เรียกได้ว่าอาหารเสริมแต่ละชนิดต่างมีช่วงเวลารับประทานที่แตกต่างกัน เมื่อทราบแล้วก็สามารถรับประทานได้ถูกต้อง เพื่อให้ร่างกายได้รับประโยชน์มากที่สุด ช่วยเสริมสารอาหารให้กับร่างกายได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ควรปฏิบัติตามคำแนะนำจากแพทย์ในการรับประทานอาหารเสริมด้วย
กระชายมหิดล: กินอาหารเสริมเวลาไหนดีที่สุด ร่างกายดูดซึมได้ประสิทธิภาพสูง อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://mmed.com/product/mmed-finger-root-extract-plus-beta-glucan/