1. Q-switch คืออะไร? Q-switch คือ เลเซอร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อรักษาฝ้า กระ รอยดำ และรอยแผลเป็น โดยหลักการทำงาน Q-switch ก็คือเป็นการใช้คลื่นแสงที่มีความหนาแน่นและความเข้มข้นสูง เพื่อทำให้เม็ดสีที่อยู่ภายใต้ชั้นผิวหนังกระจายตัวออก จากนั้นเม็ดเลือดขาว จะเข้าไปทำลายเซลล์เม็ดสีที่ผิดปกติ และขับออกจากร่างกาย
การทำ Q-switch จะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการทำ IPL เพราะมีคลื่นแสงมากกว่าถึง 8 เท่า โดยปกติแล้วการรักษาผิวหน้าด้วย Q-switch ให้ได้ผลลัพธ์ดีที่สุดควรรักษาต่อเนื่อง 3-6 ครั้ง และเข้ารับการรักษาทุกๆ 2 สัปดาห์ ทั้งนี้ก็คืออยู่กับสภาพผิวของผู้ที่รับการรักษาด้วย เนื่องจากบริเวณผิวที่แตกต่างกัน จะมีความตื้นลึกของเซลล์เม็ดสีไม่เท่ากัน
2. Q-switch ใช้บริเวณไหน? Q-switch นิยมใช้บริเวณใบหน้า และส่วนอื่นที่มีปัญหาผิว สำหรับการทำ Q-switch จะใช้เวลาทำประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง แบ่งเป็นเวลาในการทายาทิ้งไว้ประมาณ 40 นาที – 1 ชั่วโมง และการยิงเลเซอร์ 10-30 นาที ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำ โดยขณะที่ทำผู้รับบริการอาจมีอาการแสบร้อนตรงบริเวณที่รักษาบ้าง แต่จะดีขึ้นหลังจากรักษาเสร็จ
3. Q-switch เหมาะกับใคร? Q-switch เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเรื่องฝ้า กระ รอยแดง รอยดำจากสิว รอยแผลเป็น หรือ ต้องการที่จะลบรอยสัก นอกจากจะช่วยแก้ปัญหสผิวในข้างต้นได้แล้ว Q-switch ยังสามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดเลือนริ้วรอย ช่วยให้ผิวเนียนใส และกระชับมากขึ้น อย่างไรก็ตามผู้ที่มีสิวอักเสบไม่ควรรับบริการ Q-switch เพราะอาจทำให้สิวเกิดการอักเสบมากกว่าเดิม
4. ทำไมต้องทำ Q-switch ที่ Fiora Clinic? การทำ Q-switch จำเป็นต้องอาศัยความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะ และควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ ที่ Fiora Clinic เรามีคุณหมอผู้เชี่ยวชาญในการทำ Q-switch มีประสบการณ์ด้านความงามมามากกว่า 5,000 เคส เป็น เป็นเจ้าของวุฒิบัตรเฉพาะทางการฉีดโบท็อกซ์และฟิลเลอร์ จากสหรัฐอเมริกา และได้รับ Certificate หลายใบจากผู้ผลิต เมโส, ฟิลเลอร์ และโบท็อกซ์ ลูกค้าทุกท่านสามารถมั่นใจได้ว่ามาที่ Fiora Clinic ปลอดภัยและได้คุณภาพอย่างแน่นอน
5. การดูแลหลังรับบริการ Q-switch หลังการทำ Q-switch ผู้รับการรักษาอาจรู้สึกแสบร้อนบริเวณที่ทำอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง-1 ชั่วโมง หลังจากนั้นประมาณ 4-5 วัน อาจมีการตกสะเก็ดหรือรอยดำบริเวณที่รักษา ซึ่งจะค่อยๆ หลุดหายไปภายใน 1-2 สัปดาห์
โดยหลังการรักษา ผู้รับบริการควรทำตามข้อปฏิบัติในการดูแลตนเองดังต่อไปนี้
1.หลีกเลี่ยงการออกแดด และโดดแดดจัด ประมาณ 1-2 สัปดาห์
2.ควรทาครีมกันแดดทุกครั้งที่ออกไปข้างนอก โดยควรใช้ครีมกันแดด SPF 30 PA+ ที่สามารถปกป้องแสดงและมลภาวะต่างๆ ได้
บทความ:
https://fioraclinic.com/services/qswitch/