เพื่อเป็นการแสดงเจตนารมณ์ระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขายว่า ในช่วงระยะเวลาตามที่กำหนดในสัญญา ผู้ซื้อจะต้องทำการซื้ออสังหาริมทรัพย์นั้นๆ จากผู้ขาย รวมไปถึงผู้ขายจะไม่ขายอสังหาริมทรัพย์นั้นๆ ให้กับบุคคลอื่น โดยการทำสัญญาจะซื้อจะขาย ผู้ซื้อจะมีการวางเงินมัดจำก้อนหนึ่งเพื่อเป็นหลักประกันว่านับจากที่ได้ลงนามในสัญญาจะซื้อจะขาย ผู้ซื้อกับผู้ขายจะต้องมีการทำสัญญาซื้อขายระหว่างกันและมีการโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์นั้นๆ ตามช่วงเวลาที่กำหนดในสัญญาที่สำนักงานเขตที่ดิน โดยสัญญาจะซื้อจะขาย ผู้จะซื้อกับผู้จะขายสามารถทำเองได้ง่ายๆ เพียงแค่ดาวน์โหลดแบบฟอร์มทางอินเทอร์เน็ตที่มีอยู่ทั่วไป ทั้งนี้มีรายละเอียดสำคัญในสัญญาที่ต้องให้ความสนใจดังนี้
1. หัวสัญญา:
เป็นการระบุสถานที่และวันเดือนปีที่ทำสัญญา เพื่อให้รู้ว่าเวลาที่สัญญามีผลบังคับใช้เริ่มต้นเมื่อไหร่
2. รายละเอียดของผู้จะขายและผู้จะซื้อ:
เป็นการระบุข้อมูลของทั้งผู้จะซื้อและผู้จะขาย ได้แก่ ชื่อ-นามสกุล อายุ และที่อยู่ (ตามบัตรประจำตัวประชาชน) พร้อมระบุด้วยว่าชื่อ-นามสกุลนั้น เป็น “ผู้จะขาย” หรือ “ผู้จะซื้อ” ต่อท้าย ทั้งนี้ต้องแนบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของทั้งสองฝ่ายไว้ท้ายสัญญาด้วย
3. รายละเอียดอสังหาริมทรัพย์ที่จะซื้อขาย:
ยกตัวอย่างบ้านพร้อมที่ดิน, บ้านเลขที่,ระบุโฉนดที่ดิน-เลขที่ที่ดิน-เนื้อที่- สถานที่ตั้ง(ตำบล -อำเภอ-จังหวัด)พร้อมระบุว่าอสังหาริมทรัพย์ที่กล่าวมาข้างต้นนี้เป็นของผู้จะขาย ทั้งนี้ต้องแนบสำเนาโฉนดที่ดินและรายละเอียดสิ่งปลูกสร้างไว้ท้ายสัญญาและให้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของสัญญา
4. ระบุราคาซื้อขายและการขำระเงิน:
เป็นการระบุราคาว่าผู้จะขายตกลงจะขายและผู้จะซื้อตกลงจะซื้ออสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวตามข้อ 3 ในราคาเท่าไหร่ ต้องระบุเป็นตัวเลขและตัวอักษร ส่วนการแบ่งชำระเงินมี 2 ส่วนได้แก่
ชำระเงินมัดจำในวันทำสัญญาจะซื้อจะขาย ต้องระบุจำนวนเงินมัดจำเป็นตัวเลขและตัวอักษร กรณีจ่ายมัดจำด้วยเช็คธนาคารให้ระบุรายละเอียดของเช็ค ได้แก่ ธนาคาร-สาขา-วันที่-เลขที่เช็ค ทั้งนี้ตามปกติเงินวางมัดจำจะอยู่ระหว่าง 10,000-20,000 บาท หรืออาจคิดเป็น 5-10 เปอร์เซ็นต์ของราคาขาย
ขายบ้านโคราช: รู้ไว้ไม่โดนโกง 10 เทคนิคทำสัญญาจะซื้อจะขาย อ่านบทความเเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://homes-realestate.com/homes2/