กลยุทธ์การปรับ Position Sizing ตามสภาวะตลาด
การปรับลดขนาดการเทรดเมื่อตลาดมีความผันผวนสูง
ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง ไม่ว่าจะเกิดจากปัจจัยพื้นฐาน ข่าวสำคัญ หรือแรงซื้อขายในตลาด การลดขนาดออร์เดอร์ลงเป็นทางเลือกที่ดี เพราะช่วยจำกัดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น เมื่อราคาเคลื่อนไหวรุนแรง
การปรับลดอาจทำโดยเพิ่มเปอร์เซ็นต์
Stop Loss หรือลดสัดส่วนความเสี่ยงต่อออร์เดอร์ เช่น ใช้ 0.5% - 1% ของบัญชีแทน 2% หรืออาจลด Risk/Reward Ratio ลงเหลือ 1:1 เพื่อตัดขาดทุนเร็วขึ้นและรับกำไรไวขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรดและความชำนาญของแต่ละคนด้วย
การเพิ่มขนาดการเทรดเมื่อมีโอกาสทำกำไรสูง
ในทางกลับกัน เมื่อพบโอกาสในการทำกำไรที่มีความน่าจะเป็นสูง เช่น การเกิดสัญญาณเทรนด์ชัดเจน, ราคาเคลื่อนไหวตามกรอบที่คาดการณ์ หรือปัจจัยพื้นฐานมีแนวโน้มสนับสนุนในทิศทางของเรา การเพิ่มขนาดออร์เดอร์แบบพอประมาณ ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพื่อทวีผลกำไรให้มากขึ้น
การปรับเพิ่มอาจทำโดยขยับความเสี่ยงขึ้นเป็น 3-4% ต่อออร์เดอร์ หรือเลือกเปิดหลายออร์เดอร์ในทิศทางเดียวกัน โดยแบ่งสัดส่วนเงินทุนให้เหมาะสม ทั้งนี้ต้องไม่ลืมปรับ Stop Loss ให้สัมพันธ์กับจุดเปิดออร์เดอร์ที่เปลี่ยนไปด้วย เพื่อควบคุมระดับความเสี่ยงโดยรวมไม่ให้เพิ่มขึ้นจนเกินไป
การแบ่งออร์เดอร์เป็นหลายส่วนเพื่อเฉลี่ยต้นทุน (Averaging)
เทคนิค Averaging หรือการแบ่งออร์เดอร์ใหญ่เป็นหลายออร์เดอร์ย่อย เป็นอีกวิธีที่นิยมใช้ในการจัดการ Position Sizing โดยเฉพาะในสภาวะที่ตลาดมีความไม่แน่นอนสูง
การทำ Averaging ทำได้โดย แทนที่จะใช้ Position Sizing 1% กับ 1 ออร์เดอร์ เราก็แบ่งเป็น 2 ออร์เดอร์ที่ใช้ 0.5% ของบัญชีแทน โดยเข้าที่ระดับราคาห่างกันสัก 20-30 Pips เมื่อราคาเคลื่อนไหวมาถึงออร์เดอร์หนึ่ง เราก็ทยอยเปิดอีกออร์เดอร์ โดยเลื่อน Stop Loss ของออร์เดอร์แรกขึ้นมาทำกำไรหรือคุ้มทุนด้วย
วิธีนี้ช่วยให้เราสามารถเข้าตลาดได้ในราคาที่ดีกว่าเดิม (หากตลาดย้อนกลับมา) และถ้าออร์เดอร์แรกเข้าผิดทิศทาง เรายังมีออร์เดอร์ที่สองไว้รอจังหวะกลับตัวอีกครั้ง ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการเข้าผิดจังหวะได้พอสมควร แต่ก็ต้องระวังในเรื่องสภาพคล่องและค่า Margin ด้วย เพราะการมีออร์เดอร์ค้างหลายๆ อันอาจทำให้บัญชีติดขัดได้