วิธีดื่มน้ำ ให้ผิวสวยต้องทำอย่างไร หนังสือ “กิน” น้ำชะลอวัย โดยนายแพทย์ฮาวเวิร์ด มูราด สํานักพิมพ์อมรินทร์สุขภาพ อธิบายว่า ผิวหนังประกอบด้วยน้ำ ประมาณร้อยละ 70 เนื่องจากมีคุณสมบัติคล้ายฟองน้ำ ซึ่งช่วยในการดูดซับน้ำและสิ่งต่างๆ ภายนอกที่มีน้ำเป็นองค์ประกอบ ผิวหนังจึงสามารถดูดพลังงานจากรังสียูวีในปริมาณที่พอเหมาะสําหรับการสร้างวิตามินดี หรืออาจดูดซับรังสียูวีเข้ามามากเกินไป จนอาจเกิดความเสียหายรุนแรงต่อผิวได้
ผิวยังสามารถปรับตัวเองตามสิ่งที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย ทั้งนี้ยังต้องต่อสู้เพื่อขับไล่เชื้อโรค ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น ระบายความร้อน และช่วยให้ร่างกายเก็บน้ำไว้ได้
หากเราได้รับน้ำเข้าสู่เซลล์ในปริมาณมาก ผิวพรรณก็จะดูดี นอกจากนี้ยังพบว่า เวลาที่พูดถึงความแก่ภายนอก เรากําลังพูดถึงคอลลาเจนและอีลาสตินซึ่งช่วยให้ผิวยืดหยุ่น กระชับ สดใส หากคุณได้รับน้ำไม่เพียงพอ เมื่อเวลาผ่านไปเส้นใยเหล่านี้ก็จะสูญเสียน้ำ จนแห้งและเปราะ ทําให้เกิดรอยเหี่ยวย่น เยื่อหุ้มเซลล์และชิ้นส่วน
ต่างๆ ภายในเซลล์ที่เรียกว่า อวัยวะเซลล์ก็จะไม่แข็งแรง ยิ่งแก่ตัวลง เซลล์ชั้นนอกสุดของหนังกําพร้าก็จะพรุน ง่ายต่อการเกิดปัญหาผิว ทั้งนี้การรักษาน้ำให้คงอยู่ภายในเซลล์จึงจําเป็นอย่างยิ่ง เพราะการดื่มน้ำจะช่วยให้ร่างกายรักษาสมดุลได้
ดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว ช่วยให้ผิวสวย ยืดหยุ่น กระชับ สดใส
เช็กน้ำในอาหาร
หนังสืออาหารต้านวัย ต้านโรค โดยศัลยา คงสมบูรณ์เวช สํานักพิมพ์อมรินทร์สุขภาพ แนะนําอาหารที่มีน้ำเป็นองค์ประกอบไว้ดังนี้
ปริมาณน้ำในอาหาร
-ผักสลัดแก้ว (1/2 ถ้วย) เปอร์เซ็นต์น้ำ (น้ำหนัก) 95
-แตงโม (1/2 ถ้วย) เปอร์เซ็นต์น้ำ (น้ำหนัก) 92
-บรอกโคลี (1/2 ถ้วย) เปอร์เซ็นต์น้ำ (น้ำหนัก) 91
-เกรปฟรุต (1/2 ผล) เปอร์เซ็นต์น้ำ (น้ำหนัก) 91
-น้ำส้มคั้น (180 มิลลิลิตร) เปอร์เซ็นต์น้ำ (น้ำหนัก) 88
-แครอต (1/2 ถ้วย) เปอร์เซ็นต์น้ำ (น้ำหนัก) 87
-แอ๊ปเปิ้ล (1 ผลกลาง) เปอร์เซ็นต์น้ำ (น้ำหนัก) 84
HOW TO ดื่มน้ำเพื่อผิวสวย
นายแพทย์จูลิวส์ ฟิว ผู้อํานวยการสถาบันเสริมความงาม The Few Institute แนะนําว่า ควรดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว โดยต้องค่อยๆ ดื่มให้ครบจํานวนแก้วในหนึ่งวัน ส่วน
คุณเอกหทัย แซ่เตีย นักกําหนดอาหาร หัวหน้านักวิชาการด้านโภชนาการ สถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ แนะนําว่า ควรดื่มน้ำวันละ 1,500-2,000 มิลลิลิตร เป็นน้ำอุณหภูมิห้องจะดีที่สุด โดยค่อยๆ ดื่มตลอดทั้งวัน ไม่แนะนําให้ดื่มปริมาณมากก่อนนอน เพราะจะทําให้ต้องตื่นขึ้นมาปัสสาวะกลางดึก ซึ่งส่งผลเสียต่อการนอนหลับลึก
หนังสืออาหารต้านวัย ต้านโรค โดยศัลยา คงสมบูรณ์เวช สํานักพิมพ์อมรินทร์สุขภาพ แนะนําว่า หากกระหายน้ำ แต่ยังไม่มีอาการขาดน้ํำ ควรดื่มน้ำเปล่าหรือน้ำผลไม้ (ไม่เติมน้ำตาล) ช้าๆ จนกระทั่งอาการกระหายน้ำหายไปนอกจากนี้ควรกินผลไม้วันละ 2-3 ส่วน เช่น กล้วย เพื่อชดเชยเกลือแร่ที่สูญเสียไป ผักผลไม้ มากมาย หลายชนิดที่มีน้ำอยู่ในตัวก็ใช้ทดแทนการดื่มน้ำได้