‘เซอร์กิตเทรนนิ่ง’ ทางเลือกดีๆ ของนักออกกำลังกาย thaihealth1.ท่าบริหารส่วนขาหน้า คือท่าลุกนั่ง (Squat) : เป็นท่านั่งยองๆ โดยต้นขาขนานกับพื้น ดันสะโพกไปด้านหลัง ให้เข่าชี้ไปทางเดียวกับปลายเท้า
2. ท่าบริหารขาหลัง คือท่าสะพาน (Bridge) : โดยการนอนหงายราบกับพื้น ชันเข่าขึ้น และยกสะโพกขึ้น ทำให้ตัวเราเป็นสามเหลี่ยม
3. ท่าบริหารหน้าท้อง คือท่าซิทอัพ (Crunch) : ชันเข่าทั้งสองข้าง นอนหงายกับพื้น แล้วดันลำตัวขึ้นมานิดหน่อย
4. ท่าบริหารหลังส่วนล่าง คือท่าซุปเปอร์แมน (Superman) : นอนคว่ำ แล้วแขนเหยียดตึงไปข้างหน้า ส่วนขาเหยียดตึงไปด้านหลัง
5. ท่าบริหารหน้าอก คือท่าวิดพื้น (Push up) : ชันแขนทั้งสองข้างขึ้น ให้ลำตัวขนานกับพื้น และเกร็งหน้าท้องไว้
6. ท่าบริหารหลังส่วนบน คือท่าตัว Y : นอนคว่ำลงกับพื้น จากนั้นยกแขนเป็นรูปตัว Y พร้อมเกร็งส่วนหลัง‘เซอร์กิตเทรนนิ่ง’ ทางเลือกดีๆ ของนักออกกำลังกาย thaihealth
ทั้ง 6 ท่านับเป็น 1 วงจรการเล่น จำนวนการเล่นของแต่ละท่าขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของกล้ามเนื้อผู้ฝึก เมื่อครบ 1 ท่าให้พักท่าละไม่เกิน 15 วินาที เมื่อเล่นครบ 6 ท่า ไม่ควรพักเกิน 1 นาที สำหรับอุปกรณ์เสริมที่สามารถนำมาใช้ประกอบการฝึกนั้น โค้ชเป้งแนะนำ ดัมเบล ยางยืด หรือขวดน้ำ ซึ่งแล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคน
“สำหรับการพักกล้ามเนื้อในการฝึกเซอร์กิตเทรนนิ่งนั้น ผู้ฝึกแต่ละคนควรประเมินตัวเองว่า ถ้าฝึกแล้วหนักไปทางการใช้กล้ามเนื้อมากๆ ควรพักเล่นวันเว้นวัน หรือถ้าฝึกแล้วหนักไปทางแอโรบิกมากกว่าก็สามารถฝึกได้ทุกวัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแต่ละคน ที่ผู้ฝึกต้องประเมินตัวเองให้ได้” โค้งเป้งแนะนำเพิ่มเติม
* ข้อควรระวัง : สำหรับผู้ป่วยโรคความดัน และเบาหวาน ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ก่อนที่จะออกกำลังกายทุกชนิด