0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
พวกที่เอามาใช้ผิดประเภทโดยเห็นแก่เงินนี้น่ากลัวจริงๆขอบคุณสำหรับสาระดีๆครับ
นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กล่าวถึงกรณีที่คลินิกผิวหนังหลายแห่งนำสารกลูตาไธโอนฉีดเข้าสู่ร่างกาย เพื่อทำให้ผิวขาวนั้น ว่า ขณะนี้อย.ยังไม่มีการอนุญาตให้ขึ้นทะเบียนสารกลูตาไธโอน (GLUTATHIONE) เพื่อใช้ในการรักษาโรคใดๆทั้งสิ้น แม้ว่าใน ประเทศอิตาลีจะมีการขึ้นทะเบียนและได้รับอนุญาตถูกต้องแต่ก็มีการนำสารดัง กล่าวในการรักษาโรคมะเร็งต่อมลูกหมากและมะเร็งกระเพาะอาหารเท่านั้น ส่วนการทำให้ผิวขาวขึ้นถือเป็นผลข้างเคียงจากการใช้ยาดังกล่าว การนำสารตัวนี้มาฉีดเข้ากล้ามเนื้อหรือเส้นเลือดเองในปริมาณที่มากตามที่เป็นข่าวคือประมาณ 600 มิลลิกรัมต่อหลอด ถือ ว่าเสี่ยงอันตรายมาก เพราะอาจทำให้เกิดการแพ้ยาถึงขั้นช็อคและเสียชีวิตได้ การฉีดสารดังกล่าวในปริมาณมากเกินไปไม่เกิดประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะสารทุกอย่างต้องได้รับปริมาณที่พอเหมาะ ซึ่งในเครื่องสำอางทั่วไปพบว่ามีการผสมลงไปบ้าง แต่เพียง 0.000001-0.000005% เท่านั้น แม้ว่ายังไม่มีข้อมูลว่าใช้สารในปริมาณเท่าใดและนานเท่าใดจึงเป็นอันตรายแต่ ก็ไม่ควรฉีดเข้าเส้นเพราะมีอาการเสี่ยง และที่สำคัญเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังได้ เพราะไปหยุดการสร้างเอ็นไซม์เม็ดสีที่เป็นธรรมชาติของคนผิวเอเชีย ที่เป็นสีคล้ำ ทำให้ผิวคนเอเชียจากที่เคยกรองแสงอัลตร้าไวโอเลตได้มากก็ทำให้กรองได้ลดลง นอกจากนี้เม็ดสีในตาดำของคนเอเชียจะกรองแสงได้ลดลงมีอันตรายต่อจอประสาทตา นพ.ศิริวัฒน์ กล่าวนพ.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่คลินิกผิวหนังหลายแห่งให้บริการสารดังกล่าวนำสารดังกล่าวมาใช้ นั้น ขณะนี้ยังไม่พบข้อมูลแต่อย่างใด หากพบว่ามีความผิดจริง โดย อย.รับผิดชอบในตัวของสาร หากเข้าไปตรวจพบสารดังกล่าวมีความผิดฐานมีการใช้ยาโดยไม่ได้อนุญาตตามพ.ร.บ. ยา พ.ศ.2510 จำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 5 พันบาท และหากมีการโฆษณาสารดังกล่าวโดยไม่ได้รับอนุญาตมีความผิดปรับไม่เกิน 1 แสนบาท แต่หากสถานพยาบาลมีความผิดก็ดำเนินการโดยกองประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และหากตัวแพทย์ที่ดำเนินการประกอบวิชาชีพเวชกรรมก็เป็นหน้าที่ของแพทยสภา ที่มา: เว็ปDek-D