Music Massage by Pong: นวดประกอบเพลงโดยพงษ์
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว:
หน้าแรก
ช่วยเหลือ
ค้นหา
ปฏิทิน
Recent Topics
สมาชิก
View the memberlist
ค้นหาผู้ใช้
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
Like stats
Music Massage by Pong: นวดประกอบเพลงโดยพงษ์
»
Members' Forum
»
มุมทั่วไป มุมความรู้ เคล็ดลับต่างๆ เทคโนโลยีใหม่ๆ
(ผู้ดูแล:
admin
) »
อัพเดด ข่าวเศรษฐกิจ
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
หน้า:
1
[
2
]
3
4
...
9
ลงล่าง
ผู้เขียน
หัวข้อ: อัพเดด ข่าวเศรษฐกิจ (อ่าน 9557 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
benzkung
PREVILEGE MEMBER
กระทู้: 5,160
Total likes: 117
คะแนนพิเศษ: +1/-0
Re: อัพเดด ข่าวเศรษฐกิจ
«
ตอบกลับ #25 เมื่อ:
กรกฎาคม 23, 2017, 10:09:45 PM »
เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดตัวThe GLA และ AMG GLA 45
21 กรกฎาคม 2560
คอมแพ็คเอสยูวีโฉมใหม่ ระดับพรีเมี่ยมโฉมใหม่ล่าสุด
The GLA ถือเป็นผู้นำของรถยนต์ในกลุ่ม Premium Compact Car ประเภท SUV ที่ออกมาตอบรับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ด้วยความโดดเด่นของดีไซน์สไตล์คอมแพ็ค รูปลักษณ์อันโฉบเฉี่ยว ทำให้รถยนต์กลุ่ม Compact Car ได้รับความนิยมจากลูกค้าเป็นอย่างมาก ด้วยยอดขายทั้งหมด 10,962 คันในประเทศไทย
มร.ไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในครึ่งปีหลังของปี 2017 เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยังคงยึดมั่นแนวคิดที่จะนำเสนอ “สิ่งที่ดีที่สุด” ให้กับลูกค้าทั้งในวันนี้และวันข้างหน้า เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำอันดับหนึ่งของแบรนด์รถยนต์หรูในประเทศไทย ผ่านการนำเสนอยนตรกรรมรุ่นใหม่ที่สามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าได้เป็นอย่างดี โดยในครั้งนี้ ทางบริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับรถยนต์ในกลุ่ม Compact Car ด้วยการแนะนำ The GLA โฉมใหม่ที่มาพร้อมกับดีไซน์สปอร์ตเร้าใจ เทคโนโลยีอันล้ำสมัย และระบบความปลอดภัยล่าสุด มานำเสนอให้กับกลุ่มลูกค้าที่เป็นคนรุ่นใหม่มีคาแรคเตอร์ที่ชื่นชอบการผจญภัยท่องเที่ยว แต่แฝงไปด้วยความสปอร์ตที่ไม่เหมือนใคร”
ซึ่งหลังจากการเปิดตัวในวันนี้ ทางบริษัทฯ จะนำรถยนต์รุ่นใหม่นี้ ไปจัดแสดงให้ทุกท่านได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด ภายในงาน Mercedes-Benz StarFest 2017 ครั้งแรกของการจัดแสดงรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ในรูปแบบคาราวาน ที่เริ่มต้นจุดหมายแรก ณ ลาน Central Court, Eden และ Dazzle ศูนย์การค้า เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 22-30 กรกฎาคมนี้ ก่อนออกเดินทางไปยังอีก 4 จุดหมายทั่วประเทศไทย ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน สาขาสุรินทร์ ในวันที่ 26-31 สิงหาคม, ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่ ในวันที่ 5-11 กันยายน, ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล พลาซ่า ขอนแก่น ในวันที่ 18-24 กันยายน และห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล ภูเก็ต ในวันที่ 26 กันยายน - 2 ตุลาคมนี้ ซึ่งนอกจากการจัดแสดงรถยนต์แล้ว ทางบริษัทฯ ยังได้ตอกย้ำ คุณค่าของแบรนด์ในด้าน “ความรับผิดชอบ” (Responsibility) ด้วยการส่งมอบอุปกรณ์ เครื่องเขียนที่ประกอบด้วยสมุดจดบันทึกที่มีตราประทับพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ดินสอ ยางลบ และกบเหลาดินสอ จำนวน 1,700 ชุด แก่ เด็กนักเรียนผู้ยากไร้ในจังหวัดดังกล่าว ซึ่งชุดเครื่องเขียนที่นำมาแจกจ่ายในครั้งนี้เป็นการต่อยอดมาจากกิจกรรมจัดทำชุดเครื่องเขียนเพื่อเด็กนักเรียนผู้ยากไร้ที่จัดขึ้นที่เมอร์เซเดส มี บ็อกซ์ (Mercedes me BOX) เมื่อปลายปีที่แล้ว”
บันทึกการเข้า
benzkung
PREVILEGE MEMBER
กระทู้: 5,160
Total likes: 117
คะแนนพิเศษ: +1/-0
Re: อัพเดด ข่าวเศรษฐกิจ
«
ตอบกลับ #26 เมื่อ:
กรกฎาคม 23, 2017, 10:10:26 PM »
ปิโตรนาส เปิดตัว “ปิโตรนาส ซินเธี่ยม ดีเซล เทคโนโลยี คูลเทค”
21 กรกฎาคม 2560 1,487
ปิโตรนาส เผยโฉม “ปิโตรนาส ซินเธี่ยม ดีเซล เทคโนโลยี คูลเทค (PETRONAS Syntium Diesel with °CoolTech™)” สุดยอดน้ำมันหล่อลื่นสำหรับรถยนต์ดีเซล
นวัตกรรมผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นที่ช่วยระบายความร้อนสะสมส่วนเกินเพิ่มสมรรถนะเครื่องยนต์ คอมมอนเรล อีจีอาร์ ครั้งแรกของโลกในไทย
ปิโตรนาส บริษัทยักษ์ใหญ่ผู้คิดค้นและพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นระดับโลก เผยโฉม “ปิโตรนาส ซินเธี่ยม ดีเซล เทคโนโลยี คูลเทค (PETRONAS Syntium Diesel with °CoolTech™)” สุดยอดน้ำมันหล่อลื่นสำหรับรถยนต์ดีเซล ปิคอัพ เอ็มพีวี (ดีเซล) และ เอสยูวี (ดีเซล) และ พีพีวี ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่ติดตั้งระบบหมุนเวียนไอเสีย EGR
ปิโตรนาส ซินเธี่ยม ดีเซล เป็นน้ำมันหล่อลื่นสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลขนาดเล็กรุ่นใหม่นี้ได้รับการคิดค้นโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรับมือกับความร้อนส่วนเกินในเครื่องยนต์ ให้คุณสัมผัสกับการขับขี่ที่ไร้จากปัญหา และคงไว้ซึ่งสมรรถนะสูงสุดของเครื่องยนต์หรือรถยนต์ที่คุณรัก
“ปิโตรนาสฯ มีความภูมิใจอย่างยิ่งในการนำเสนอ “ปิโตรนาส ซินเธี่ยม ดีเซล เทคโนโลยี คูลเทค” น้ำมันหล่อลื่นรุ่นเรือธงของบริษัทฯ ที่ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อรับมือกับปัญหาความร้อนของเครื่องยนต์ที่มากเกินไป ช่วยให้สามารถเพลิดเพลินไปกับการขับขี่ที่ปราศจากปัญหากวนใจ เราตื่นเต้นมากที่จะได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นรุ่นนี้ที่กรุงเทพมหานคร เพราะตลาดรถกระบะที่ประเทศไทยนั้นใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก” มร.คาลิค บิน มูฮัมหมัด ลาทีฟ ผู้บริหารประจำภาคพื้นเอเชีย แปซิฟิค บริษัท ปิโตรนาส ลูบริแคนท์ อินเตอร์เนชันแนล กล่าว
“ปิโตรนาส ซินเธี่ยม ดีเซล เทคโนโลยี คูลเทค” ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อให้ระบบการไหลเวียน ของน้ำมันหล่อลื่นสามารถดูดซับ และถ่ายเทความร้อนจากชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่สำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพ เปรียบเสมือนเป็นการระบายความร้อนที่ต้นเหตุ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถมั่นใจได้ถึงสมรรถนะการขับขี่ที่ดีที่สุด” มร.คาลิค บิน มูฮัมหมัด ลาทีฟ กล่าวเสริม
อุณหภูมิปกติขณะที่เครื่องยนต์ดีเซลของรถยนต์นั่งส่วนบุคคลทำงานนั้น จะอยู่ระหว่าง 90°C และ 120°C เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์เบนซินแล้ว จะพบว่าเครื่องยนต์ดีเซลทำงานที่อัตราการบีบอัดที่สูงกว่ามาก ซึ่งส่งผลให้อุณหภูมิในการชาร์จเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 600°C ในห้องเผาไหม้ ด้วยเหตุนี้ การรับมือกับความร้อนส่วนเกินจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเครื่องยนต์ดีเซล เพื่อป้องกันความเสียหายของเครื่องยนต์ และเพื่อให้ผู้ใช้รถมั่นใจได้ว่าจะไม่มีปัญหาในเรื่องสมรรถนะของเครื่องยนต์ในการขับขี่ และทางออกสำหรับปัญหานี้ก็คือ “ปิโตรนาส ซินเธี่ยม ดีเซล เทคโนโลยี คูลเทค” ซึ่งให้ประโยชน์ 3 ประการจากคุณสมบัติการระบายความร้อนที่โดดเด่น ประโยชน์ประการแรกคือ ช่วยขจัดสิ่งสกปรกสะสมที่เป็นอันตราย ต่อเครื่องยนต์
บันทึกการเข้า
benzkung
PREVILEGE MEMBER
กระทู้: 5,160
Total likes: 117
คะแนนพิเศษ: +1/-0
Re: อัพเดด ข่าวเศรษฐกิจ
«
ตอบกลับ #27 เมื่อ:
กรกฎาคม 23, 2017, 10:12:37 PM »
U.S. Existing Home Sales
Latest Release
Jun 21, 2017
Actual
5.62M
Forecast
5.55M
Previous
5.56M
Existing Home Sales measures the change in the annualized number of existing residential buildings that were sold during the previous month. This report helps to gauge the strength of the U.S. housing market and is a key indicator of overall economic strength.
A higher than expected reading should be taken as positive/bullish for the USD, while a lower than expected reading should be taken as negative/bearish for the USD.
บันทึกการเข้า
benzkung
PREVILEGE MEMBER
กระทู้: 5,160
Total likes: 117
คะแนนพิเศษ: +1/-0
Re: อัพเดด ข่าวเศรษฐกิจ
«
ตอบกลับ #28 เมื่อ:
กรกฎาคม 23, 2017, 10:12:58 PM »
นายณ์เอสเตท’รุกกลางเมืองขยายแนวราบรับดีมานด์พุ่ง
23 กรกฎาคม 2560
ซีบีอาร์อี ชี้อสังหาฯ ไฮเอนด์ดีมานด์สูง-ซัพพลายต่ำ “แนวราบ” เหลือขายสะสม 283 ยูนิต มูลค่า 8,000 ล้าน “นายณ์ เอสเตท” สบช่อง ส่ง “ควอเตอร์ 31” เจาะตลาด
นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในเซ็กเมนท์แนวราบว่า ตลาดกลุ่มนี้มีดีมานด์สูง โดยเฉพาะโครงการที่อยู่อาศัยใจกลางเมือง ขณะที่ซัพพลายในตลาดมีจำนวนค่อนข้างน้อย โดยประเมินว่าสินค้าแนวราบระดับไฮเอนด์ในทำเลใจกลางเมืองที่ห่างจากโซนซีบีดี หรือศูนย์กลางธุรกิจ ไม่เกิน 5 กิโลเมตร มีจำนวนเหลือขายสะสมช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ประมาณ 283 ยูนิต มูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 8,000 กว่าล้านบาท ส่วนกลุ่มบ้านที่อยู่รอบนอกเมือง คาดมีจำนวนรวมกว่า 500 ยูนิต
“ซัพพลายที่ดินที่จะนำมาพัฒนาโครงการเหลือค่อนข้างน้อย และมีราคาสูงจึงหาที่ดินที่จะนำมาพัฒนาโครงการแนวราบได้ยาก”
ตัวอย่างเช่น โครงการที่อยู่อาศัยโซนสุขุมวิทตอนกลางที่ได้รับความนิยมค่อนข้างมากในบริเวณซอยเลขคี่ ตั้งแต่ซอยสุขุมวิท 21-55 ปัจจุบันมีราคาซื้อ-ขายประมาณ 5 แสน-1 ล้านบาทต่อตร.ว. สำหรับคอนโดมิเนียมระดับกลาง-บน ในเมือง ตลาดกลางราคาเฉลี่ย 1.5 แสนบาทต่อตร.ม. ตลาดบนราคา 3-4 แสนบาทต่อตร.ม. ยังมีซัพพลายออกมาน้อย คาดว่าปีนี้ซัพพลายเซ็กเมนท์ดังกล่าวจะมีจำนวนไม่เกิน 7,000 ยูนิต เมื่อเทียบช่วง 2 ปีก่อน ที่มีจำนวน 8,000- 9,000 ยูนิต
ขณะเดียวกัน โครงการที่อยู่อาศัยระดับซูเปอร์ลักชัวรี ได้การตอบรับที่ดีจึงทำให้ผู้ประกอบการหลายรายสนใจหันมาเจาะตลาดนี้มากขึ้น ทั้งยังพบว่าการอยู่อาศัยใจกลางเมืองส่วนใหญ่เป็นรูปแบบคอนโดมิเนียมที่อาจมีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ใช้สอยเมื่อเทียบกับแนวราบ รวมถึงราคาสูงกว่า 2-3 เท่า
นายสุธี ลิมปนชัยพรกุล ประธานอำนวยการ บริษัท นายณ์ เอสเตท จำกัด กล่าวว่า บริษัทมุ่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยระดับบนเน้นทำเลใจกลางเมือง
“สินค้าที่เจาะตลาดบนถูกดูดซับไปค่อนข้างมากแล้ว โครงการของบริษัทมีการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์เป็นอย่างดี”
สำหรับการดำเนินงานขายของบริษัทในปัจจุบัน ประกอบด้วย โครงการพาร์ค พรีว่า พระราม 9-รัชดาภิเษก และโครงการคราม สุขุมวิท26 ที่ขายได้แล้วกว่า 70% รวมถึงยังมีอีก 3 โครงการภายใต้แบรนด์ ควอเตอร์ คอลเลคชั่น ประกอบด้วย โครงการควอเตอร์ ทองหล่อ ที่ขายหมดแล้ว และเหลืออีก 2 โครงการ คือ ควอเตอร์ 31 ที่ขายแล้ว 41% จากจำนวนรวม 20 ยูนิต และควอเตอร์ 39 ที่ปัจจุบันขายแล้ว 75% จากจำนวนรวมทั้งสิ้น 15 ยูนิต ระดับราคาเริ่มต้นหลังละ 46.9 ล้านบาท ถึงราคาสูงสุดหลังละ 55 ล้านบาท โดยมีมูลค่าโครงการ อยู่ที่ 690 ล้านบาท
บันทึกการเข้า
benzkung
PREVILEGE MEMBER
กระทู้: 5,160
Total likes: 117
คะแนนพิเศษ: +1/-0
Re: อัพเดด ข่าวเศรษฐกิจ
«
ตอบกลับ #29 เมื่อ:
กรกฎาคม 23, 2017, 10:14:09 PM »
พฤกษาฯยึดทำเลสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย
20 กรกฎาคม 2560
พฤกษาฯเดินหน้าปักธงคอนโดฯแนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย เปิด 2 โครงการใหม่ ”เดอะไพรเวซี่” จรัญ-ราชวิถีกับท่าพระ-อินเตอร์เชนจ์ เจาะฐานลูกค้าระดับกลาง
ปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมครึ่งปีแรก (มกราคม-มิถุนายน 2560) พฤกษาฯ มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดในเซกเมนต์ 2-3 ล้านบาท หรือราคาระดับกลาง และเพื่อรักษาแชมป์ จึงเปิดตัวโครงการใหม่ต่อเนื่อง
โดยไตรมาส 3 ของปีนี้ ได้เปิดตัวแบรนด์เดอะไพรเวซี่ ที่มีการ Re-positioning ใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “COMPOSE YOUR MOMENTS สร้างโลกที่น่าหลงใหลในแบบคุณ” จับกลุ่มลูกค้าที่เป็นคนรุ่นใหม่ช่วงอายุประมาณ 25-35 ปี ที่ต้องการที่อยู่อาศัยที่มีสไตล์เฉพาะตัว ใน 2 ทำเล ได้แก่ เดอะไพรเวซี่ จรัญฯ-ราชวิถีสเตชัน ใกล้แยกบางพลัด ในรูปแบบไฮไรส์ 24 ชั้น รวม 281 ยูนิต มูลค่าโครงการ 900 ล้านบาท ราคาเริ่มที่ 2.59 ล้านบาท
อีกโครงการ คือ เดอะไพรเวซี่ ท่าพระ-อินเตอร์เชนจ์ ห่างสถานีอินเตอร์เชนจ์ใหญ่สุดของฝั่งธนบุรี 100 เมตร ในรูปแบบไฮไรส์ 22 ชั้น รวม 795 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,400 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท ซึ่งคาดว่า เสร็จพร้อมเปิดให้บริการในปี 2562
นอกจากนี้ยังมีแผนจะเปิด เดอะไพรเวซี่ พระราม 9 เพิ่มอีก 1 โครงการภายในปีนี้ มูลค่าโครงการรวม 3 โครงการ 5,500 ล้านบาท
บันทึกการเข้า
benzkung
PREVILEGE MEMBER
กระทู้: 5,160
Total likes: 117
คะแนนพิเศษ: +1/-0
Re: อัพเดด ข่าวเศรษฐกิจ
«
ตอบกลับ #30 เมื่อ:
กรกฎาคม 23, 2017, 10:16:13 PM »
‘แสนสิริ’จัดทัพบุกครึ่งปีหลังรุกเปิดโครงการ-ดันยอดตปท.
18 กรกฎาคม 2560
“แสนสิริ”วาง 4 กลยุทธ์ทรานส์ฟอร์มอ จัดทัพผู้บริหารใหม่ เดินหน้าบุกตลาดต่างประเทศ วางเป้า 5ปี โกยยอด 1.2 หมื่นล้าน ผุดสำนักงานขายเจาะตลาดจีน 3 เมือง ครึ่งปีหลังลุยเปิด 16 โครงการใหม่ ดันยอดขายปีนี้ 3.4 หมื่นล้าน
นายอภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับเปลี่ยนองค์กรอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งทีมผู้บริหารและการดำเนินงานภายในองค์กร ภายใต้แผนงาน“แสนสิริ ทรานส์ฟอร์เมชั่น” (Sansiri Transformation) เพื่อเสริมความแข็งแกร่ง ผลักดันให้เกิดการดำเนินงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ และปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับการบุกตลาดต่างประเทศมากขึ้น
‘4กลยุทธ์’ทรานส์ฟอร์เมชั่น
โดยได้ตั้งทีมผู้บริหารที่เชี่ยวชาญแต่ละแผนกมาดำเนินงานและขับเคลื่อนองค์กร วางกลยุทธ์ทรานส์ฟอร์เมชั่น 4 ด้าน ประกอบด้วย การบริหารการเงิน, การบริหารการพัฒนาโครงการ, การบริหารกลยุทธ์การตลาด และการบริหารด้านเทคโนโลยี
ทั้งนี้ บริษัทได้มอบหมายให้ นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ ดูแลด้าน Financial Transformation เพื่อบริหารการเงินในเชิงลึกและผลักดันให้บริษัทเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งนายวันจักร์ เป็นหนึ่งในผู้บริหารที่ร่วมก่อตั้งแสนสิริ ดูแลข้อมูลการเงิน โดยจะเข้ามาช่วยขับเคลื่อนการเติบโตทางการเงินขององค์กร ตลอดจนการลงทุนในต่างประเทศ
พร้อมกันนี้ได้แต่งตั้งให้นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ ดูแลด้าน Project Transformation บริหารการพัฒนาโครงการปัจจุบันและในอนาคต ขณะนี้มีโครงการที่ต้องดูแลกว่า 100 โครงการทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนมองหาโอกาสขยายธุรกิจและเชื่อมโยงการทำธุรกิจใหม่ ซึ่งนายอุทัย จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น หลังจากได้ปรับเปลี่ยนจากตำแหน่งเดิมที่ดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม
ชูการตลาด-ดิจิทัลเจาะลูกค้า
ขณะเดียวกัน ได้แต่งตั้งให้นางอรุณภรณ์ ลิ่มสกุล รองกรรมการผู้จัดการสายงานการตลาด ดูแลด้าน Marketing Transformation บริหารงานด้านกลยุทธ์การตลาด เน้นเข้าถึงผู้บริโภคให้ตรงกลุ่มและหลากหลายมากขึ้น มุ่งตอบโจทย์ผู้บริโภค(customer centric) และใช้สื่อดิจิทัลเข้าถึงลูกค้ามากขึ้น นางอรุณภรณ์ มีประสบการณ์ด้านการตลาดในสายงานธุรกิจโทรคมนาคมมาก่อน
พร้อมทั้งแต่งตั้ง นายทวิชา ตระกูลยิ่งยง ประธานผู้บริหารสายงานเทคโนโลยีและวิเคราะห์ข้อมูล มาดูแลด้าน Technology Transformation มุ่งเน้นบริหารด้านเทคโนโลยีที่ครอบคลุมทั้งเทคโนโลยีด้านอสังหาฯและการอยู่อาศัย (living) โดยอาศัยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ทำงานของนายทวิชา ในสายงานไอทีทั้งในองค์กรใหญ่และต่างประเทศ รวมถึงธุรกิจรีเทล
“แสนสิริ เป็นผู้กำหนดทิศทางตลาดในไทยมายาวนาน จากนี้วางเป้าหมายมุ่งสู่โกลบอลมากขึ้น จึงก็ต้องปฎิวัติองค์กรในเชิงรุก เชื่อว่ากลยุทธ์ทรานส์ฟอร์เมชั่นครั้งนี้จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายทั้งยอดขายและวิสัยทัศน์ได้” นายอภิชาติ กล่าว
ดันยอดต่างประเทศ 1.2หมื่นล้าน
นายอุทัย กล่าวว่าภาพรวมยอดขายของแสนสิริช่วงครึ่งปีแรกเติบโต 20% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน หรืออยู่ที่ 15,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 42% จากเป้าหมายยอดขาย 36,000 ล้านบาทในปีนี้ โดยยังเหลือยอดขายอีก 21,000 ล้านบาท ที่จะเข้ามาเพิ่มเติมในช่วงครึ่งปีหลัง ปัจจัยที่ทำให้ครึ่งปีแรกยังเติบโตมาจากการกระจายตลาดหลายเซ็กเมนท์ และการกรตุ้นยอดขายจากตลาดต่างประเทศมากขึ้น
ปัจจุบันบริษัทเข้าไปทำตลาดต่างประเทศแล้วกว่า 4-5 ประเทศ เพื่อขับเคลื่อนให้ยอดขายต่างประเทศปีนี้ เพิ่มขึ้นเป็น 8,000 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 5,418 ล้านบาท ทั้งนี้ตั้งแต่บริษัทรุกหนักตลาดต่างประเทศตั้งแต่ปี2557 ที่เริ่มจากยอดขาย 1,492 ล้านบาท เติบโตมาต่อเนื่อง ซึ่งตลาดจีนและฮ่องกง ขยายตัวมากกว่าตลาดอื่นๆ
บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายตลาดต่างประเทศ เพิ่มขึ้นไปยู่ที่ 12,000 ล้านบาทภายใน 5 ปี คิดเป็นสัดส่วน 30% ของพอร์ตรายได้ จากปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ 18% โดยปีนี้มีแผนเข้าไปตั้งสำนักงานที่จีน ใน 3 เมือง คือ เซี่ยงไฮ้ เสิ่นเจิ้น และกวางโจว เพื่อให้บริการลูกค้าจีนเพิ่มเติม จากปัจจุบันมีสำนักงานในปักกิ่ง และสิงคโปร์ รวมถึงมีแผนเดินหน้าทำกิจกรรมซีอาร์เอ็มกับตลาดสิงคโปร์และฮ่องกงต่อเนื่อง
ครึ่งปีหลังเปิด16โครงการ 4.4หมื่นล้าน
สำหรับแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ช่วงครึ่งปีหลังยังมีอีก 16 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 44,460 ล้านบาท แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 7 โครงการ มูลค่า 22,350 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 8 โครงการ มูลค่า 16,150 ล้านบาท และทาวน์เฮ้าส์ 1 โครงการ มูลค่า 760 ล้านบาท โดยปีนี้วางเป้าหมายเปิดตัว 19 โครงการใหม่ ครึ่งปีแรกเปิดตัวแล้ว 3 โครงการ
กลยุทธ์สำคัญที่จะเข้ามาช่วยเสริมการทำตลาดครึ่งปีหลัง ประกอบด้วย โครงการร่วมทุนกับพันธมิตร“บีทีเอส” ซึ่งมีแผนเปิดอีก 3 โครงการ มูลค่า 10,000 ล้านบาท นอกจากนี้มองหาพันธมิตรเพิ่มเติม
รวมถึงแผนทำตลาดโครงการไฮเอนด์ เปิดตัวแบรนด์“บ้านแสนสิริ” ที่จะกลับมาเปิดตลาดอีกครั้งในช่วงครึ่งปีหลัง หลังจากไม่ได้นำแบรนด์นี้มาทำตลาดกว่า 10 ปี ตลอดจนการรุกตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะขยายตลาดญี่ปุ่นมากขึ้นผ่านโครงการในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) และการขยายรายได้จากการลงทุนในธุรกิจ “พร็อพเทค”
ล่าสุด ได้ลงทุนด้านซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์เพิ่มเติม เพื่อเปิดตัวหุ่นยนต์ “แสนดี”ที่จะเริ่มนำมาให้บริการลูกบ้านภายในโครงการคอนโด เดอะ โมนูเมนต์ สนามเป้า ในปีนี้เป็นโครงการแรก
สำหรับปีนี้วางเป้าหมายรายได้ 34,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ยอดขายโครงการ 28,000 ล้านบาท และรายได้อื่นๆ เช่น การบริการและงานบริหารโครงการ 6,000 ล้านบาท สำหรับงบลงทุนซื้อที่ดินปีนี้ที่วางไว้ 9,000 ล้านบาท ปัจจุบันใช้ไปแล้วกว่า 6,000 ล้านบาท
บันทึกการเข้า
benzkung
PREVILEGE MEMBER
กระทู้: 5,160
Total likes: 117
คะแนนพิเศษ: +1/-0
Re: อัพเดด ข่าวเศรษฐกิจ
«
ตอบกลับ #31 เมื่อ:
กรกฎาคม 23, 2017, 10:17:10 PM »
“คอมแพคแฟมมิลี่” บ้านรักษ์โลก มทร.ธัญบุรี
23 กรกฎาคม 2560
COMPACT FAMILY HOUSE ผลงานนักศึกษาคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์คว้ารองชนะเลิศอันดับ 1 ประเภทแบบบ้านไม่เกิน 2 ล้านบาทในโครงการประกวดออกแบบบ้านรักษ์โลก กิจกรรมค้นหาสุดยอดนิสิตนักศึกษาจากทั่วประเทศโดย ธอส.
ผลงาน “COMPACT FAMILY HOUSE” ของนางสาวกุลจิรา อธิเศรษฐ์ และ นายเสฎฐวุฒิ พันธุมะโอภาส นักศึกษาคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี หนึ่งในผลงานกว่า 60 ผลงาน คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ประเภทแบบบ้านไม่เกิน 2 ล้านบาท โครงการประกวดออกแบบบ้านรักษ์โลก จัดโดยธนาคารอาคารสงเคราะห์ การออกแบบบ้านโครงการประกวดแบบ “บ้านรักษ์โลก” เพื่อค้นหาสุดยอดนิสิตนักศึกษาจากทั่วประเทศที่มุ่งเน้นผลงานการออกแบบบ้านภายใต้แนวคิด “ประหยัดเงิน ประหยัดพลังงาน ด้วยบ้านรักษ์โลก”
นางสาวกุลจิรา กล่าวว่า เมื่อได้ทราบแนวคิดในการประกวดครั้งนี้ “ประหยัดเงิน ประหยัดพลังงาน ด้วยบ้านรักษ์โลก” จึงเริ่มศึกษาหาข้อมูล โดยศึกษาองค์ประกอบรูปแบบบ้าน พบว่ารูปแบบบ้านเรือนไทยมีความเหมาะสมกับวิถีชีวิตและสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับคนไทยมากที่สุด โดยจับกลุ่มผู้ใช้อาคารที่ร่วมโครงการ ธอส.เป็นหลัก จึงได้นำมาเป็นแนวคิด “คอมแพคแฟมมิลี่” ความกลมกลืนของครอบครัวทุกช่วงวัย ซึ่งมุ่งเน้นออกแบบเพื่อสามองค์ประกอบหลักภายใต้กรอบของเรือนไทยและภาวะน่าสบายนั่นเอง คือ
1.simple space - ผู้ใหญ่กับการมีพื้นที่ส่วนตัวของกันและกันหรือร่วมกัน
2.one space - ผู้สูงอายุ กิจกรรมที่ครบวงจรของบ้านในชั้นเดียว หรือต่างระดับน้อย เพื่อลดทอนปัญหาด้านสุขภาพของผู้สูงวัย
3.split space - เด็ก พลังที่ล้นเหลือของวัยนี้ที่ต้องการพื้นที่เล่นแม้แต่ในบ้าน เกิดเป็นพื้นที่ทางสัญจรที่เอื้อต่อความสนุก การเชื่อมต่อของกิจกรรมแต่ละพื้นที่อย่างลื่นไหล
นายเสฎฐวุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวคิดการออกแบบบ้านพยายามออกแบบตัวบ้านโดยการนำแสงธรรมชาติเข้ามาในบ้านให้มากที่สุด โดยมีช่องเปิดแสงมีระแนงบัง ซึ่งเรียกว่าปรากฏการณ์แสงอินไดเล็ก การออกแบบผนังเกล็ดระบายอากาศใต้หลังคา การทำช่องเปิดระบายอากาศเหนือฝ้าเพดานจนถึงหลังคา จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายอากาศได้ดีขึ้น ฝ้าชายคาระบายความร้อนใต้หลังคา การทำฝ้าชายคาให้มีรูระบายอากาศช่วยให้มีการถ่ายเทความร้อน รวมทั้งลดการสะสมความร้อนและควรมีการติดตั้งตาข่ายกันแมลงด้วย ที่สำคัญมีการปูฉนวนกันความร้อนเหนือฝ้าเพดานจะช่วยกันความร้อนจากชั้นหลังคาไม่ให้ส่งผ่านมาภายในบ้าน
ถือเป็นบ้านรักษ์โลก ที่เหมาะกับภูมิศาสตร์ของประเทศไทย ต้องขอชื่นชมในแนวคิดว่าที่สถาปนิกในอนาคต
บันทึกการเข้า
benzkung
PREVILEGE MEMBER
กระทู้: 5,160
Total likes: 117
คะแนนพิเศษ: +1/-0
Re: อัพเดด ข่าวเศรษฐกิจ
«
ตอบกลับ #32 เมื่อ:
กรกฎาคม 23, 2017, 10:19:08 PM »
U.S. Services Purchasing Managers Index (PMI)
Latest Release
Jul 06, 2017
Actual
54.2
Forecast
53.0
Previous
53.0
The Service PMI release is published monthly by Markit Economics. The data are based on surveys of over 400 executives in private sector service companies. The surveys cover transport and communication, financial intermediaries, business and personal services, computing & IT, hotels and restaurants.
An index level of 50 denotes no change since the previous month, while a level above 50 signals an improvement, and below 50 indicates a deterioration. A reading that is stronger than forecast is generally supportive (bullish) for the USD, while a weaker than forecast reading is generally negative (bearish) for the USD.
บันทึกการเข้า
benzkung
PREVILEGE MEMBER
กระทู้: 5,160
Total likes: 117
คะแนนพิเศษ: +1/-0
Re: อัพเดด ข่าวเศรษฐกิจ
«
ตอบกลับ #33 เมื่อ:
กรกฎาคม 23, 2017, 10:19:39 PM »
Investing.com S&P 500 Index
Latest Release
Jul 17, 2017
Actual
42.0%
Previous
49.2%
The Investing.com series of indexes is a unique set of indexes, developed in-house.
Each index measures overall exposure to major currency pairs, commodities and indexes, using data from futures exchanges and OTC providers on all long and short open positions.
The number displayed in the economic calendar is the percentage of traders who hold long positions for that specific instrument.
A reading above 50% means that more than half of traders are holding long positions for that instrument.
A reading between 50%-70% is bullish for the instrument, a reading between 30% and 50% is bearish, a reading above 70% indicates overbought conditions and a reading below 30% indicates oversold conditions.
บันทึกการเข้า
benzkung
PREVILEGE MEMBER
กระทู้: 5,160
Total likes: 117
คะแนนพิเศษ: +1/-0
Re: อัพเดด ข่าวเศรษฐกิจ
«
ตอบกลับ #34 เมื่อ:
กรกฎาคม 23, 2017, 10:21:42 PM »
ธนาคารแห่งประเทศไทยออกใช้ธนบัตรที่ระลึก ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
แห่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงว่า ธปท. ได้รับพระราชทานพระราชานุญาตจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ให้จัดพิมพ์ธนบัตรที่ระลึก ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้แห่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อเป็นการถวายความอาลัยและเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยจะออกใช้เป็นธนบัตรหมุนเวียนทั่วไป
ธนบัตรชุดใหม่นี้ มี 5 ชนิดราคา ได้แก่ 20 บาท 50 บาท 100 บาท 500 บาท และ 1000 บาทจะออกใช้หมุนเวียนพร้อมกันทุกชนิดราคา ตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน 2560 เป็นต้นไป โดยมีลักษณะด้านหน้าเช่นเดียวกับธนบัตรแบบ 16 ที่ใช้หมุนเวียนในปัจจุบัน
บันทึกการเข้า
benzkung
PREVILEGE MEMBER
กระทู้: 5,160
Total likes: 117
คะแนนพิเศษ: +1/-0
Re: อัพเดด ข่าวเศรษฐกิจ
«
ตอบกลับ #35 เมื่อ:
กรกฎาคม 23, 2017, 10:23:10 PM »
พิมพ์ชิ้นงานสามมิติ ทำงานได้จริงไม่ใช่แค่โมเดล
22 กรกฎาคม 2560
อีกหนึ่งผลงานของนักวิจัยไทยที่ สวทช. ภูมิใจ เมื่อเนคเทคร่วมวิจัยกับบริษัท เฮเดล เทคโนโลยี ประเทศไทย ประสบความสำเร็จในการผลิตเส้นลวดพลาสติกนำไฟฟ้าที่สามารถขึ้นรูปได้ด้วยเครื่องพิมพ์สามมิติทุกชนิด ทำให้ชิ้นงานสามมิติมีคุณสมบัตินำไฟฟ้าได้ด้วย
เทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติ หรือ 3D Printing คงไม่มีใครไม่รู้จักอีกแล้วในยุคปัจจุบันนี้ เพราะเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้เราสามารถขึ้นรูปชิ้นงานได้เหมือนจริงด้วยการออกแบบผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยโปรแกรมออกแบบ แล้วส่งข้อมูลไปยังเครื่องพิมพ์ที่สามารถพิมพ์ขึ้นรูปทีละชั้นๆ จนกลายเป็นชิ้นงานแบบสามมิติสมบูรณ์แบบด้วยเส้นลวดพลาสติกแบบต่างๆ
เครื่องพิมพ์สามมิติในปัจจุบันมีราคาไม่กี่พันบาทจนถึงหลักหมื่นบาทก็มี แต่วัสดุที่สามารถพิมพ์สามมิติมีเพียงพลาสติกไม่กี่ชนิด ได้แก่ เอบีเอส, พีแอลเอ, ไนลอนและทีพียู ซึ่งเป็นข้อจำกัด ทำให้เราสามารถขึ้นรูปได้เพียงชิ้นงานที่เป็นโมเดลไว้ดูเล่นเท่านั้น ไม่สามารถนำไปใช้งานได้จริง ไม่แข็งแรงทนทานเพียงพอ ไม่สามารถสร้างส่วนที่นำไฟฟ้าหรือนำความร้อน จึงไม่สามารถสร้างเป็นอุปกรณ์ที่ทำงานได้
แต่ในอนาคตอันใกล้ ด้วยการคิดค้นวิจัยวัสดุใหม่ๆ ที่เป็นวัสดุคอมพอสิต ทำให้ก้าวต่อไปของการพิมพ์สามมิติจะสามารถพิมพ์วัสดุพลาสติกที่มีคุณสมบัติเฉพาะได้ เช่น พลาสติกที่นำไฟฟ้า หรือพลาสติกที่นำความร้อนได้ และแม้แต่พลาสติกที่มีสมบัติเป็นแม่เหล็กในตัว เป็นต้น ตลาดของวัสดุสำหรับการพิมพ์สามมิติคาดว่าจะเติบโตและมีมูลค่าตลาดทั่วโลกสูงถึง 2 หมื่นล้านดอลลาร์หรือประมาณ 7 แสนล้านบาทในอีก 10 ปีข้างหน้า (ข้อมูลจาก IDTechEx)
แนวโน้มความต้องการวัสดุคอมพอสิตพิมพ์ได้แบบสามมิติที่มีคุณสมบัติพิเศษเฉพาะดังกล่าวจะสูงขึ้น และสามารถทำให้การพิมพ์สามมิติยกระดับเป็นการพิมพ์เพื่อสร้างอุปกรณ์ที่ทำงานได้จริง หรือเรียกว่า Functional 3D Printing ตัวอย่างเช่น การพิมพ์ชิ้นส่วนที่นำไฟฟ้าได้ด้วยการผสมวัสดุนำไฟฟ้าประเภทคาร์บอน ได้แก่ กราฟีนและท่อคาร์บอนนาโน ทำให้ได้เส้นพลาสติกที่มีความต้านทานไฟฟ้าน้อย เราสามารถสร้างเป็นอุปกรณ์เซ็นเซอร์ที่มีความยืดหยุ่น โค้งงอ สร้างส่วนประกอบที่ป้องกันคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและคลื่นวิทยุ สร้างวงจรนำไฟฟ้าในชิ้นงานสามมิติ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบสวมใส่ได้ เป็นต้น
การพิมพ์ชิ้นส่วนสามมิติด้วยพลาสติกที่นำความร้อนได้ด้วยการผสมวัสดุโลหะ ได้แก่ วัสดุผสมคอมพอสิตกับอนุภาคหรือเส้นใยของทองแดงหรืออลูมิเนียม ทำให้ได้เส้นพลาสติกที่ขึ้นรูปสามมิติแล้วสามารถนำความร้อนได้ จึงสามารถนำไปใช้ทดแทนชิ้นส่วนโลหะ เช่น ชิ้นส่วนโคมไฟรถยนต์ หรือใช้ระบายความร้อนในวงจรอิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากนำความร้อนได้มากกว่าพลาสติกทั่วไป และมีความยืดหยุ่นสูง นอกจากนี้ เส้นพลาสติกที่มีคุณสมบัติแม่เหล็ก จะทำให้เราสามารถพิมพ์อุปกรณ์สามมิติ เช่น มอเตอร์และหม้อแปลงไฟฟ้า เป็นต้น
ล่าสุดศูนย์นวัตกรรมการพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์และอิเล็กทรอนิกส์อินทรีย์ หรือ TOPIC ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สวทช. ได้ร่วมวิจัยกับบริษัท เฮเดล เทคโนโลยี ประเทศไทย ประสบความสำเร็จในการผลิต Graphene-enhanced Conductive Filament หรือเส้นลวดพลาสติกนำไฟฟ้าด้วยวัสดุคอมพอสิตผสมกราฟีน ทำให้ได้เส้นลวดพลาสติกที่สามารถนำไฟฟ้าได้ดีที่สุดในโลก มีความต้านทานไฟฟ้าน้อยกว่า 0.5 โอห์มต่อเซนติเมตร และขึ้นรูปได้ด้วยเครื่องพิมพ์สามมิติทุกชนิด ออกวางจำหน่ายไปทั่วโลก อีกหนึ่งผลงานของนักวิจัยไทยที่ สวทช. ภูมิใจ
*บทความโดย ดร.อดิสร เตือนตรานนท์ ผู้อำนวยการหน่วยวิจัยศูนย์นวัตกรรมการพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์และอิเล็กทรอนิกส์อินทรีย์ เนคเทค
บันทึกการเข้า
benzkung
PREVILEGE MEMBER
กระทู้: 5,160
Total likes: 117
คะแนนพิเศษ: +1/-0
Re: อัพเดด ข่าวเศรษฐกิจ
«
ตอบกลับ #36 เมื่อ:
กรกฎาคม 23, 2017, 10:23:53 PM »
‘แรงงานหุ่นยนต์’สั่งตรงจากมหาวิทยาลัย
21 กรกฎาคม 2560
ผลงานด้านเทคโนโลยีหุ่นยนต์จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานครผลิตป้อนภาคอุตสาหกรรม สอดคล้องกับเป้าหมายรัฐบาลที่มุ่งมั่นสร้างประเทศไทยให้เป็นฐานของอุตสาหกรรมหุ่นยนต์
ผลงานด้านเทคโนโลยีหุ่นยนต์จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานครอยู่ระดับแถวหน้าชั้นนำ ทั้งหุ่นยนต์เก็บกู้ระเบิดที่ออกสนามใช้งานจริง รางวัลทั้งในประเทศและระดับโลกจากเวทีประชันทักษะความสามารถที่นักศึกษาคว้ามาสำเร็จและการสร้างหุ่นยนต์ช่วยผลิตป้อนภาคอุตสาหกรรมสอดคล้องกับเป้าหมายรัฐบาลที่มุ่งมั่นสร้างประเทศไทยให้เป็นฐานของอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ อุปกรณ์อัจฉริยะและเครื่องกลที่ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ควบคุม
รศ.สุเจตน์ จันทรังษ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร กล่าวว่า การส่งเสริมให้ภาคอุตฯ ใช้ระบบผลิตอัตโนมัติแทนแรงงานคน มีความเป็นไปได้สูงที่จะว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญในไทยมาดูแลระบบแทนการนำเข้าผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญในไทยอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการที่จะเกิดขึ้น เพราะไทยเราไม่ได้สร้างคนออกมารองรับกับการใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์เมื่อเทียบกับในต่างประเทศ
ความหลากหลายของโรบอต
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานครพัฒนาชิ้นงานด้านหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติให้กับภาคอุตสาหกรรมมาเป็น 10 ปี ไม่ว่าจะเป็น การออกแบบและพัฒนาแขนหุ่นยนต์ช่วยการประกอบฮาร์ดดิสก์โดยรับโจทย์จากซีเกท บริษัทผลิตฮาร์ดดิสก์ที่ต้องการใช้ในการประกอบฮาร์ดดิสก์ แขนกลนั้นต้องใช้ซอฟต์แวร์ควบคุม (SI) ให้ตัวแขนยืดและหมุนได้อย่างแม่นยำ ที่นำความฉลาดของคอมพิวเตอร์มาผสมกับหุ่นยนต์ในรูปแบบเดิม สามารถทำงานที่ซับซ้อน เพราะมีกลไกที่ทำงานได้ด้วยตัวเองโดยอัตโนมัติตามความต้องการที่กำหนดไว้ได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้องและแม่นยำ
นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาซอฟต์แวร์ควบคุมกล้องที่ติดโดรน ให้หมุนซ้ายขวาขึ้นลงได้เพื่อล็อกเป้าหมายที่จะบันทึกภาพเป็นโครงการร่วมกับบริษัท อาร์ วี คอนเน็กซ์ จำกัด ระบบควบคุมอัตโนมัติเหล่านี้ต้องใช้เทคโนโลยีหลายอย่างมาประกอบกัน ซึ่งในต่างประเทศราคาแพงมาก
ในส่วนของหุ่นยนต์เก็บกู้วัตถุระเบิดได้ร่วมกับบริษัท AVIA Group บริษัทอุตสาหกรรมป้องกันประเทศแห่งเดียวในไทยตั้งศูนย์วิจัยในชื่อ ศูนย์วิจัยนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน : Mahanakorn - Avia Sustained Innovation (MASI) เพิ่มความพร้อมในการวิจัยพัฒนาหุ่นยนต์เก็บกู้วัตถุระเบิดมากขึ้น เพื่อให้บรรลุความตั้งใจที่จะลดการสูญเสียให้ได้มากที่สุด
นอกจากนี้ยังมีผลงานสำหรับเกษตรกรรมยุค 4.0 อาทิ Aquaponics เป็นการผสมผสานระหว่างการเลี้ยงปลา (Aquaculture) และการปลูกพืชด้วยวิธีการปลูกด้วยน้ำ นำระบบทั้งสองรวมเข้ากันเป็นระบบเดียว, iFarm/Farmbot ระบบเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวด้วยสมองกลอัจฉริยะ จัดแสดงและสาธิตเทคโนโลยีระบบสั่งการด้วยคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟน, แบบจำลองโรงเรือนปลูกพืชขนาดเล็กควบคุมด้วยสมาร์ทโฟน สร้างโรงเรือนจำลองสำหรับปลูกพืชขนาด 60x100x50 เซนติเมตร โดยติดตั้งระบบ รดน้ำต้นไม้ ระบบระบายอากาศ และ ระบบชดเชยแสง ด้วยการควบคุมผ่านสมาร์ทโฟน
เปิดโมเดลวิจัยร่วมเอกชน
“การทำงานร่วมกับภาคธุรกิจเอกชนให้สำเร็จนั้น ต้องเริ่มจากการพูดคุยให้เข้าใจตรงกันว่า ต้องการแบบไหนตั้งเป้าถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นว่า ทำเพื่อจะนำไปใช้อะไรหรือคิดว่าในอนาคตจะมีความต้องการหุ่นยนต์แบบไหน ยกตัวอย่าง บริษัทผลิตฮาร์ดดิสก์ที่ทำงานร่วมกับตั้งแต่สมัยยังเป็นเทคโนโลยีอาร์เอฟไอดีในการปรับปรุงกระบวนการผลิตส่วนครั้งนี้เขาอยากได้หุ่นยนต์เรารับโจทย์มาวิจัยทำชิ้นงานต้นแบบ ส่วนภาคเอกชนลงทุนวัตถุดิบและค่าจ้างแรงงาน”รศ.สุเจตน์ กล่าว
โมเดลการทำงานดังกล่าวจะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการเพราะสามารถนำไปใช้งานได้จริง ทุกอย่างมีเป้าหมายชัดเจนทั้งระยะเวลาและต้นทุน สามารถประเมินได้ว่าคุ้มไหมที่ลงทุนทำ ทำให้ที่ผ่านมาหลังจากจบการทำงานในเฟสแรกจะมีเฟสถัดๆ ไปตามกลายเป็นการทำงานร่วมกันในระยะยาว ซึ่งในแต่ละเฟสจะใช้เวลา 6 เดือน - 1ปี ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของโครงการ แต่ไม่ควรเกินกว่า 1 ปีเนื่องจากเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงเร็ว
ฉะนั้น การที่มหาวิทยาลัยมีเทคโนโลยีที่พัฒนาร่วมกับภาคเอกชน จะสามารถปรับเทคโนโลยีให้เหมาะกับอุตสาหกรรมมากขึ้นและไม่ได้หยุดแค่กับผู้ประกอบการรายนี้ เพราะจากประสบการณ์ พบว่าสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับงานของเอกชนรายอื่นที่อยู่ในธุรกิจต่างกันได้อีกด้วย
บันทึกการเข้า
benzkung
PREVILEGE MEMBER
กระทู้: 5,160
Total likes: 117
คะแนนพิเศษ: +1/-0
Re: อัพเดด ข่าวเศรษฐกิจ
«
ตอบกลับ #37 เมื่อ:
กรกฎาคม 23, 2017, 10:25:10 PM »
'ซิโน-ไทย' ขายที่ดิน2ตระกูลดัง
22 กรกฎาคม 2560
“ซิโน-ไทย” ขายที่ดิน2ตระกูลดัง
ซิโน-ไทย ประกาศขายที่ดินเปล่า 80 ไร่ จ.สมุทรปราการ ให้กลุ่ม 2 ตระกูลดัง “คิงเพาว์เวอร์-ชิดชอบ” รวมมูลค่า 188 ล้านบาท นำเงินใช้เป็นทุนหมุนเวียน ด้านโบรกเกอร์คาดงบไตรมาส 2 อ่อนแอจากงวดไตรมาสแรก แต่ดีขึ้น 25% จากปีก่อน เพราะรับรู้รายได้จาก 4 โครงการหลัก
บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC แจ้งว่า บริษัทฯได้จำหน่ายไปซึ่งที่ดิน 2 แปลง รวม 80 ไร่ แบ่งเป็นจำนวน 65 ไร่ ขายให้กับ บริษัท วี แอนด์ เอ โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งมีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นของกลุ่มวิชัย ศรีวัฒนประภา เจ้าของกลุ่มคิงเพาเวอร์ และที่ดินจำนวน 15 ไร่ ขายให้กับบริษัท เอ็น แอนด์ เอ็น แลนด์ จำกัด เป็นของกลุ่มตระกูลชิดชอบ มูลค่ารวม 188 ล้านบาท โดยวิธีการซื้อขายและโอนกรรมสิทธิ์ ณ สำนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ (บางพลี)
สำหรับที่ดินโฉนดเลขที่ 38237 ตำบลเปร็ง อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ เนื้อที่ 65 ไร่ ไม่มีสิ่งปลูกสร้าง ให้แก่บริษัท วี แอนด์ เอ โฮลดิ้ง จำกัด ในราคา 152,750,000 บาท ที่ดินโฉนดเลขที่ 50159 ตำบลเปร็ง อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ เนื้อที่ 15 ไร่ ไม่มีสิ่งปลูกสร้าง ให้แก่บริษัท เอ็น แอนด์ เอ็น แลนด์ จำกัด ในราคา 35,250,000 บาท
เดิมที่ดินโฉนดเลขที่ 38237 ตำบลเปร็ง อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ มีเนื้อที่ดินจำนวน 80 ไร่ บริษัทฯ ได้มาเมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2558 ตามสารสนเทศของบริษัท เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2558 ต่อมาบริษัทได้แบ่งแยกที่ดินในนามเดิมออกไปจำนวน 15 ไร่รวมมูลค่ารวมของสิ่งตอบแทน เงินจำนวน 188 ล้านบาท โดยราคาที่ดินที่ซื้อขายเป็นไปตามราคาตลาด บริษัทจำหน่ายที่ดินเพื่อ นำเงินมาใช้เป็นทุนหมุนเวียนภายในบริษัท และการจำหน่ายที่ดินดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินกิจการของบริษัทแต่อย่างใด
บล.ทรีนีตี้ ประเมินว่า บริษัทจะประกาศรายได้รวมในไตรมาส 2 ปี 2560 ที่ 4,761 ล้านบาท ซึ่งลดลง 5% จากไตรมาสแรกที่ผ่านมา แต่เพิ่มขึ้น 25% จากงวดเดียววันปีก่อน โดยจากการรับรู้งานก่อสร้างในโครงการหลักอย่าง 1. อาคารรัฐสภา 2. รถไฟทางคู่เส้นทางฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย 3. รถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และ 4. โรงไฟฟ้า โดยการรับรู้งานก่อสร้างในโครงการอาคารรัฐสภาในสัดส่วนที่มากขึ้น ยังคงกดดันอัตราการทำกำไรต้นให้อยู่ที่ราว 8.2% ในระดับเดียวกับไตรมาสก่อน แต่ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 9.3% มีงานในมือรอรับรู้รายได้ที่แข็งแกร่งแตะ 1 แสนล้านบาท และลุ้นโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ และรถไฟฟ้าเปิดประมูลตามแผนหนุน Backlog โตต่อเนื่อง แม้อัตราการทำกำไรจะชะลอตัวลง แต่แนวโน้มรายได้ในช่วงปี 2561-2563 มีความมั่นคงและเติบโตชัดเจน พร้อมกระจายการลงทุนไปยังธุรกิจโรงไฟฟ้า และรถไฟฟ้า และมีฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง
บันทึกการเข้า
benzkung
PREVILEGE MEMBER
กระทู้: 5,160
Total likes: 117
คะแนนพิเศษ: +1/-0
Re: อัพเดด ข่าวเศรษฐกิจ
«
ตอบกลับ #38 เมื่อ:
กรกฎาคม 23, 2017, 10:26:20 PM »
'ต่างชาติ' ห่วงเอ็นพีแอลทะลัก
22 กรกฎาคม 2560
“ต่างชาติ” ห่วงเอ็นพีแอลทะลัก ประเมินคุณภาพบจ.ยังเข้มแข็ง มองปัญหาเบี้ยวหนี้บีอีเกิดขึ้นเฉพาะบจ.กลางและเล็ก
ซีแอลเอสเอ เผย ต่างชาติกังวล หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้พุ่ง ขณะที่กำลังซื้อรากหญ้าชะลอตัว กระทบพื้นฐานเศรษฐกิจ มองบจ.เล็กเบี้ยวหนี้ เป็นปัญหาเฉพาะกลุ่ม ไม่ลุกลามภาพรวม ด้านบล.ทิสโก้กังวลไม่เห็นปัจจัยการหนุนเศรษฐกิจไทยอีก 2 ปีข้างหน้า
นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ซี แอล เอส เอ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าขณะนี้นักลงทุนต่างชาติเริ่มมีความกังวลปัญหาหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของสถาบันการเงินที่เกิดขึ้นซึ่งปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง และไม่สามารถหาคำตอบได้ว่าหนี้ดังกล่าวจะดีขึ้นเมื่อใด และขณะเดียวกันการบริโภคในพื้นที่ต่างจังหวัดยังอยู่ในภาวะซบเซา
“นักลงทุนต่างชาติเริ่มกังวลกับปัญหาเอ็นพีแอลของสถาบันการเงินที่เกิดขึ้น สถานการณ์ปัจจุบันยังไม่สามารถระบุได้ว่า จะสูงสุดในช่วงใด ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดเพราะปัญหาหนี้สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ ซึ่งภาวะเศรษฐกิจไทยในอนาคตมีความเสี่ยงมากขึ้น จากสถานการณ์กำลังซื้อรากหญ้ายังอ่อนตัว"
สำหรับความเข้มแข็งของบริษัทจดทะเบียนไทย บล.มองว่าบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กมีปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ตั๋วบีอีที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา จะทำให้การเข้าถึงแหล่งเงินทุนทำได้ยากขึ้น โดยเฉพาะบริษัทที่ไม่มีสินทรัพย์ในการค้ำประกันหนี้แต่ยังมีช่องทางหาแหล่งระดมทุนอย่างการกู้เงินจากสถาบันการเงินส่วนบริษัทขนาดใหญ่มีเข้มแข็งอยู่แล้วและไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ เปิดเผยว่า ปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กนั้นเป็นปัญหาเฉพาะบริษัทและยังไม่กระทบกับภาพรวมของระบบ แม้ภาวะตลาดของตั๋วบีอีในปัจจุบันจะไม่เอื้ออำนวยกับการระดมทุน แต่บริษัทยังมีช่องทางการกู้เงินจากสถาบันการเงินหากพิจารณาในภาพรวมของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะพบว่ามีความเข้มแข็งที่สูงและไม่มีความเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจในอนาคต
อย่างไรก็ตามทิศทางของเศรษฐกิจไทย ช่วงครึ่งปีหลัง มองว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยน่าขยายตัวได้ต่อเนื่อง แต่น่าห่วงว่าการขยายตัวกระจุกเฉพาะกลุ่มการส่งออกและการท่องเที่ยว มีผู้ที่เกี่ยวข้องเพียงไม่กี่กลุ่มเท่านั้น ส่วนเศรษฐกิจฐานรากยังชะลอตัวการลงทุนภาครัฐบาลในช่วงครึ่งปีแรกยังล่าช้า และคาดหวังว่าจะสามารถออกมาได้ในช่วงครึ่งปีหลัง
สิ่งที่น่าห่วงของเศรษฐกิจไทยอีก 2-3 ปีข้างหน้า คือ จะไม่มีปัจจัยใดเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวได้ ซึ่งการส่งออกจะขยายตัวลดลง ขณะที่การท่องเที่ยวยังขยายตัวได้ในกรอบจำกัด ส่วนการลงทุนภาครัฐยังต้องใช้เวลากว่าจะเห็นผล ส่วนการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศยังหดตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในปี 2561 มองว่าการเติบโตของเศรษฐกิจไทยจะลดลงจากเหลือ 3.4 % จากปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโต 3.6%
ส่วนภาวะของตลาดหุ้นไทยช่วงที่ผ่านมาแกว่งตัวในกรอบแคบที่ 1,520 -1,590 จุด หรืออยู่ในกรอบประมาณ 70 จุดเท่านั้น ซึ่งมีค่าความผันผวนต่ำมากที่สุดในรอบหลายปี ทั้งนี้บล.ทิสโก้ ยังคาดหวังว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะเห็นเม็ดเงินทุนต่างชาติไหลเข้ามาเพิ่มขึ้น เนื่องจากผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยจากต้นปีอยู่ในระดับ 2.6 % เมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านอยู่ในระดับ 20-30 % ซึ่งนักลงทุนน่าจะปรับพอร์ตเพื่อลงทุนในตลาดหุ้นที่มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยให้ดัชนีเป้าหมายของตลาดหุ้นไทยในปีนี้ที่ 1,650 จุด
นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต รองกรรมการผู้จัดการและประธานบริหารการลงทุนตราสารทุนบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทยจำกัด เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทย มองว่าความน่าสนใจลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลังนั้น ยังมีไม่มากนัก เนื่องจากยังไม่พบปัจจัยที่สร้างการเติบโตที่ชัดเจน และอาจต้องรอถึงไตรมาสที่ 4 ที่เป็นช่วงเม็ดเงินลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) เข้ามาช่วยผลักดันตลาด และนักลงทุนจะมีการปรับพอร์ตการลงทุนก่อนเข้าสู่ปี 2561
อย่างไรก็ตามในด้านคำแนะนำนักลงทุนนั้น ควรจะเลือกกองทุนหุ้นที่เน้นลงทุนเป็นรายกลุ่ม และมีกลยุทธ์เฉพาะตัวจะช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่า
ข้อมูลเบื้องต้น จากการรายงานงบการเงินของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในส่วนของเอ็นพีแอลงวดไตรมาส 2 ของปีนี้ของแต่ละแบงก์ ประกอบด้วย แบงก์กรุงเทพ (BBL) มีสัดส่วนเอ็นพีแอลอยู่ที่ 3.76% แบงก์กรุงไทย (KTB) อยู่ที่ 4.24% แบงก์ไทยพาณิชย์ (SCB) อยู่ที่ 2.65% แบงก์กสิกรไทย (KBANK) อยู่ที่ 3.22% แบงก์กรุงศรีอยุธยา (BAY) อยู่ที่ 1.92% แบงก์ทหารไทย (TMB) อยู่ที่ 2.55% แบงก์ทิสโก้ (TISCO) อยู่ที่ 2.01% แบงก์เกียรตินาคิน (KKP) อยู่ที่ 4.94% แบงก์แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LHBANK) อยู่ที่ 2.01% แบงก์ซีไอเอ็มบีไทย (CIMBT) 5.40%
บันทึกการเข้า
benzkung
PREVILEGE MEMBER
กระทู้: 5,160
Total likes: 117
คะแนนพิเศษ: +1/-0
Re: อัพเดด ข่าวเศรษฐกิจ
«
ตอบกลับ #39 เมื่อ:
กรกฎาคม 23, 2017, 10:30:59 PM »
คาดยอดที่อยู่อาศัยคงค้างในกทม.สิ้นปีเพิ่มขึ้น 4-8%
21 กรกฎาคม 2560
"ศูนย์วิจัยกสิกรไทย" คาดจำนวนที่อยู่อาศัยคงค้างใน กทม.-ปริมณฑลสิ้นปีนี้ อยู่ที่ 170,000-177,000 หน่วย ขยายตัว 4-8% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า กำลังซื้อของผู้ซื้อที่อยู่อาศัยยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ประกอบกับประเด็นท้าทายด้านแรงงาน ยังเป็นปัจจัยกดดันการเปิดขายโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยังคงต้องลงทุนโครงการที่อยู่อาศัย เพื่อก่อให้เกิดการรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต ส่งผลให้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2560 ผู้ประกอบการน่าจะยังรอจังหวะตลาดฟื้นตัว เพื่อลงทุนโครงการที่อยู่อาศัยอย่างระมัดระวัง โดยเป็นการเลือกลงทุนโครงการที่อยู่อาศัยในทำเลที่เหมาะสม และเลือกเจาะผู้ซื้อที่อยู่อาศัยเซ็กเมนต์ที่มีศักยภาพ
จำนวนที่อยู่อาศัยคงค้าง ณ สิ้นปี 2559 ที่อยู่ในระดับสูง ประกอบกับการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในส่วนของการซื้อจากผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในปี 2560 น่าจะหดตัว ส่งผลให้ระยะเวลาดูดซับที่อยู่อาศัยคงค้างยาวนานขึ้น โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า จำนวนที่อยู่อาศัยคงค้างในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ณ สิ้นปี 2560 น่าจะอยู่ที่ 170,000-177,000 หน่วย ขยายตัวร้อยละ 4-8 เมื่อเทียบกับปี 2559
แนวทางการระบายที่อยู่อาศัยคงค้างของผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2560 น่าจะเป็นการปรับกลยุทธ์นำเสนอที่อยู่อาศัยคงค้างไปยังกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งกลุ่มวัยเริ่มทำงาน กลุ่มวัยทำงาน กลุ่มครอบครัว กลุ่มผู้สูงอายุ รวมถึงกลุ่มชาวต่างชาติ จากแต่เดิมที่ผู้ประกอบการมุ่งเจาะกลุ่มวัยทำงาน และกลุ่มครอบครัวเป็นหลัก ทั้งนี้ โครงการที่อยู่อาศัยที่สามารถปรับรูปแบบให้รองรับการอยู่อาศัยของผู้คนหลากหลายกลุ่มได้ น่าจะเป็นกลุ่มโครงการที่อยู่อาศัยที่มีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนรูปแบบได้สูง เช่น โครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง โครงการที่มีหน่วยเหลือขายจำนวนมาก เป็นต้น
บันทึกการเข้า
thaimale2011
PREVILEGE MEMBER
กระทู้: 5,018
Total likes: 71
คะแนนพิเศษ: +0/-0
Re: อัพเดด ข่าวเศรษฐกิจ
«
ตอบกลับ #40 เมื่อ:
กรกฎาคม 23, 2017, 11:32:47 PM »
ขอบคุณครับผม
บันทึกการเข้า
benzkung
PREVILEGE MEMBER
กระทู้: 5,160
Total likes: 117
คะแนนพิเศษ: +1/-0
Re: อัพเดด ข่าวเศรษฐกิจ
«
ตอบกลับ #41 เมื่อ:
สิงหาคม 03, 2017, 10:40:31 PM »
เดี๊ยวอัพอันใหม่เป็นวิกฤติเศรษฐกิจโลกดีกว่า
บันทึกการเข้า
benzkung
PREVILEGE MEMBER
กระทู้: 5,160
Total likes: 117
คะแนนพิเศษ: +1/-0
Re: อัพเดด ข่าวเศรษฐกิจ
«
ตอบกลับ #42 เมื่อ:
สิงหาคม 03, 2017, 10:49:12 PM »
"กสทช." เปิดผลประมูลอินเตอร์เน็ตชายขอบ 8 สัญญา มูลค่ารวม 12,989.68 ล้านบาท ประหยัดงบ 624.93 ล้านบาท คาดลงนามสัญญาภายในเดือนนี้
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า จากการประมูลลโครงการจัดให้มีสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่และบริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ชายขอบ 3,920 หมู่บ้าน รวม 8 สัญญา มีผู้เสนอราคามูลค่าประมูลเป็นมูลค่ารวม 12,989.68 ล้านบาท ต่ำกว่าราคากลางที่กำหนดไว้ 13,614.61 ล้านบาท ทำให้ กสทช. ประหยัดงบประมาณกว่า 624.93 ล้านบาท
ทั้งนี้กสทช.ยังไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อที่ชนะประมูลได้ เพราะต้องรายงานผลให้กับทางคณะกรรมการ กสทช. รับทราบก่อน และคาดว่าจะลงนามสัญญาได้ภายในสิงหาคมนี้ และเปิดให้บริการภายในธันวาคม 60 ได้ประมาณ 15% ของ 3,920 หมู่บ้าน
สำหรับผลการประมูลทั้ง 8 สัญญา ประกอบด้วย
สัญญาที่ 1 กำหนดราคากลาง 2,857.01 ล้านบาท ผู้เสนอราคาต่ำสุดที่ 2,812.01 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าราคากลาง 45 ล้านบาท
สัญญาที่ 2 กำหนดราคากลาง 2,123.93 ล้านบาท ผู้เสนอราคาต่ำสุดที่ 2,103.80 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าราคากลาง 20.17 ล้านบาท
สัญญาที่ 3 กำหนดราคากลาง 2,542.75 ล้านบาท ผู้เสนอราคาต่ำสุดที่ 2,492.59 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าราคากลาง 50.15 ล้านบาท
สัญญาที่ 4 กำหนดราคากลาง 1,888 ล้านบาท ผู้เสนอราคาต่ำสุดที่ 1,868ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าราคากลาง 20 ล้านบาท
สัญญาที่ 5 กำหนดราคากลาง 2,120.93 ล้านบาท ผู้เสนอราคาต่ำสุดที่ 1,889.99 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าราคากลาง 230 ล้านบาท
สัญญาที่ 6 กำหนดราคากลาง 904.08 ล้านบาท ผู้เสนอราคาต่ำสุดที่ 786.54 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าราคากลาง117.53 ล้านบาท
สัญญาที่ 7 กำหนดราคากลาง 641.04ล้านบาท ผู้เสนอราคาต่ำสุดที่ 532.04 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าราคากลาง108.97 ล้านบาท
สัญญาที่ 8 กำหนดราคากลาง 536.62 ล้านบาท ผู้เสนอราคาต่ำสุดที่ 504.42 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าราคากลาง 32.19 ล้านบาท
บันทึกการเข้า
benzkung
PREVILEGE MEMBER
กระทู้: 5,160
Total likes: 117
คะแนนพิเศษ: +1/-0
Re: อัพเดด ข่าวเศรษฐกิจ
«
ตอบกลับ #43 เมื่อ:
สิงหาคม 03, 2017, 10:49:54 PM »
"แอซเซอร์คอมพิวเตอร์" จับมือ "เอสเอพี" เป็นพันธมิตรทางธุรกิจ นำระบบเอสเอพีเอสโฟร์ฮานาออกสู่ตลาด พร้อมตั้งเป้าเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในภูมิภาคเอเชียภายในปีหน้า
บริษัท แอซเซอร์คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทสาขาของบริษัท แอซเซอร์คอมพิวเตอร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ให้บริการระบบบริหารจัดการแก่บริษัทในอุตสาหกรรมยานยนต์ การเงินการธนาคาร ประกันภัย คอมพิวเตอร์ และโรงงานการผลิต ในประเทศไทยมาตั้งแต่ พ.ศ. 2554 และเพื่อรักษาความเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีและรองรับการเติบโตในอนาคต บริษัทฯ ได้ลงนามเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ (VAR Partnership) กับบริษัท เอสเอพี (SAP) เพื่อนำระบบเอสเอพี เอสโฟร์ ฮานา (SAP S/4 HANA) ซึ่งใช้สำหรับการปฏิบัติงานในสำนักงานและบนคลาวด์ (Cloud) ออกสู่ตลาด นอกจากการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัทเอสเอพี เฮชพี (HP) และไอบีเอ็ม (IBM) แล้ว บริษัทฯ ยังได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนอีกด้วย
นายแอนดี้ อดิทยา ผู้ก่อตั้งและประธานบริหารบริษัทฯ กล่าวว่า นอกเหนือจากการจัดหาระบบบริหารจัดการแบบครบวงจรให้แก่ลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ บริษัทฯ ยังได้พัฒนาระบบบริหารจัดการที่ได้มาตรฐานสากลและปฏิบัติการบนซอฟต์แวร์เอสเอพี ฮานา ขึ้นในปีนี้ด้วย การเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับเอสเอพีจะช่วยให้บริษัทฯ สามารถปฏิบัติงานร่วมกับลูกค้าในฐานะพันธมิตรทางธุรกิจด้านเอสเอพี เอสโฟร์ ฮานาได้ ระบบปฏิบัติการที่บริษัทฯ ได้พัฒนาขึ้นนี้ จะช่วยลดการพึ่งพาทักษะของที่ปรึกษาลง เนื่องจากระบบได้รับการจัดทำขึ้นเป็นรูปแบบสำเร็จรูป โดยใช้เทคโนโลยีล่าสุด และยังได้รับการทดสอบบนซอฟต์แวร์เอสเอพี ฮานาแล้ว
ทั้งนี้ ภายใต้การนำของแอนดี้ อดิทยา บริษัทฯ กำลังจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ START (SAP Solution on Thai Automotive Ready Template) ซึ่งเป็นระบบบริหารจัดการแบบสำเร็จรูปที่ทำงานบนแพลทฟอร์มเอสเอพี ฮานา สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2560 และด้วยสำนักงานที่มีความทันสมัยและตั้งอยู่ใจกลางย่านธุรกิจของกรุงเทพมหานคร บริษัทฯ จะให้บริการ ณ สถานที่ของลูกค้า โดยเจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญการ วิสัยทัศน์ในการจัดตั้งส่วนงานเอสเอพีของนายแอนดี้เกิดขึ้นระหว่างการประชุมร่วมกันกับนายลีเฮอร์ ออบิซูร์ กรรมการผู้จัดการของบริษัท เอสเอพี ประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันส่วนงานเอสเอพีได้รับการจัดตั้งเป็นหน่วยธุรกิจอิสระของบริษัท แอซเซอร์คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) โดยมุ่งพัฒนางานสำหรับประเทศไทย และขยายต่อไปยังประเทศลาว กัมพูชา และพม่าในอนาคต
บริษัทฯ วางแผนที่จะพัฒนาและดำเนินการขอใบรับรองสำหรับระบบ START และระบบบริหารจัดการสำหรับอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและทางด้านโลจิสติกส์ ระหว่างพ.ศ. 2560-2561 โดยนายแอนดี้ได้กล่าวว่า เหตุผลในการพัฒนาระบบสำหรับประเทศไทย ก็เนื่องมาจากความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานและที่ปรึกษาด้านเอสเอพีที่มีความชำนาญการ ด้วยต้นทุนที่สมเหตุสมผล ขณะที่ยังมีการพัฒนาที่ยั่งยืนของธุรกิจภายในประเทศไทยด้วย ซึ่งปัจจัยต่างๆ นี้ จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการเข้าถึงตลาดและบรรลุเป้าหมายของเอสเอพีจากทั้งภูมิภาคเอเชียและอเมริกา โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายที่จะเป็นพันธมิตรทางธุรกิจของเอสเอพีในภูมิภาคเอเชีย (Preferred SAP Partner in Asia) ภายในปีหน้า
บันทึกการเข้า
benzkung
PREVILEGE MEMBER
กระทู้: 5,160
Total likes: 117
คะแนนพิเศษ: +1/-0
Re: อัพเดด ข่าวเศรษฐกิจ
«
ตอบกลับ #44 เมื่อ:
สิงหาคม 03, 2017, 10:50:14 PM »
"สมคิด" หารือ "จูลี่ บิชอป" รมว.ต่างประเทศออสเตรเลีย เตรียมทบทวนรายละเอียดเอฟทีเอให้ชัดเจนมากขึ้น
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้หารือกับนางจูลี่ บิชอป รมว.ต่างประเทศและการค้าออสเตรเลีย โดยทั้งสองฝ่ายเตรียมทบทวนรายละเอียดของความตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย-ออสเตรเลีย ซึ่งเดิมได้ทำไว้ร่วมกันตั้งแต่ปี 47 ให้ชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะการกำหนดเป้าหมายที่ทั้งสองประเทศต้องการ เช่นเดียวกับด้านการศึกษา การเกษตร โครงสร้างพื้นฐาน และเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งแต่ละชนิดทางออสเตรเลียมีความชำนาญมากเป็นพิเศษ จึงอยากให้ร่วมมือกันเรื่องดังกล่าวให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น
"ที่ผ่านมาการทำเอฟทีเอระหว่างไทย-ออสเตรเลีย ได้ปล่อยไว้นานจนไม่มีความคืบหน้า จึงต้องมาทบทวนกันใหม่ โดยต้องการให้โฟกัสจุสำคัญ กำหนดอุตสาหกรรมที่ต้องการให้ชัดเจนกว่าเดิม แล้วค่อมาคุยกันให้ลึกมากขึ้น"
บันทึกการเข้า
benzkung
PREVILEGE MEMBER
กระทู้: 5,160
Total likes: 117
คะแนนพิเศษ: +1/-0
Re: อัพเดด ข่าวเศรษฐกิจ
«
ตอบกลับ #45 เมื่อ:
สิงหาคม 03, 2017, 10:50:38 PM »
"รมว.พาณิชย์" เผยยอดส่งออกข้าว 7 เดือนแรกอยู่ที่ 6.37 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 16.67% มั่นใจส่งออกข้าวปีนี้เป็นไปตามเป้าที่ 10 ล้านตัน
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงสถานการณ์ส่งออกข้าวไทยช่วง 7 เดือนแรกปีนี้ว่า ไทยส่งออกข้าวแล้วปริมาณ 6.37 ล้านตัน มูลค่า 94,492 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2559 ที่มีปริมาณส่งออกข้าว 5.46 ล้านตัน มูลค่า 86,155 ล้านบาท หรือด้านปริมาณร้อยละ 16.67 และด้านมูลค่าร้อยละ 9.68 ตามลำดับ โดยข้าวที่ไทยส่งออกมากเป็นอันดับ 1 คือ ข้าวขาว (ร้อยละ 48) รองลงมาได้แก่ ข้าวหอมมะลิไทย (ร้อยละ 22) และ ข้าวนึ่ง (ร้อยละ 22)
สำหรับสถานการณ์ภาพรวมการส่งออกข้าวในครึ่งปีหลังคาดว่าจะมีแนวโน้มที่ดีตามปริมาณความต้องการข้าวในตลาดหลักที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพราะผลผลิตข้าวในหลายประเทศเสียหายจากภัยแล้งและน้ำท่วม เช่น บังคลาเทศและศรีลังกา สำหรับตลาดแอฟริกา พบว่าสภาพเศรษฐกิจ มีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นส่งผลให้มีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ตลาดตะวันออกกลาง โดยเฉพาะ อิรัก อิหร่าน ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาได้หยุดการนำเข้าข้าวจากไทย ก็เริ่มกลับมานำเข้าข้าวจากไทยมากขึ้น ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกที่ทำให้มั่นใจว่าไทยจะสามารถส่งออกข้าวได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 10 ล้านตัน
บันทึกการเข้า
benzkung
PREVILEGE MEMBER
กระทู้: 5,160
Total likes: 117
คะแนนพิเศษ: +1/-0
Re: อัพเดด ข่าวเศรษฐกิจ
«
ตอบกลับ #46 เมื่อ:
สิงหาคม 03, 2017, 10:50:56 PM »
"สมคิด" เผย "เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน" รมว.ต่างประเทศสหรัฐ เยือนไทย 8 ส.ค.นี้ เตรียมหารือการค้าการลงทุน และเศรษฐกิจร่วมกัน
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันอังคารที่ 8 ส.ค.นี้ นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รมว.ต่างประเทศ ของสหรัฐอเมริกา จะเดินทางมาเยือนประเทศไทย เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกากับไทย และจะหารือภาพรวมทุกเรื่อง ทั้งการค้า การลงทุน ต่างประเทศ เศรษฐกิจ ความมั่นคง รวมถึงกรณีที่อเมริกาขาดดุลการค้ากับไทย ก่อนที่นายกรัฐมนตรีไทยจะไปเยือนสหรัฐฯ
"เรื่องอเมริกาขาดดุลการค้ากับไทยคงมีการพูดคุยกัน แต่ถือเป็นเรื่องเล็กเพราะส่วนใหญ่น่าจะคุยภาพรวมมากกว่า" นายสมคิดกล่าว
ส่วนการหารือกับทางนางจูลี่ บิชอป รมว.ต่างประเทศและการค้าของออสเตรเลีย ในวันนี้ได้มีการฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างกัน หลังจาก 3 ปีที่ผ่านมาไม่ได้มีการพบปะหารือกัน โดยในส่วนที่ไทยอยากจะให้ออสเตรเลียช่วย เรื่องการศึกษา เกษตรสมัยใหม่ และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ซึ่งทางออสเตรเลียก็พร้อมที่จะสนับสนุน
"เขายืนยันว่าอาเซียนเป็นจุดสำคัญในการเชื่อมต่อเอเชีย โดยใครๆ ก็มองว่าประเทศไทยเป็นข้อต่อสำคัญ จึงอยากให้ไทยกลับไปมีความสัมพันธ์ที่ดีกับออสเตรเลีย" นายสมคิด กล่าว
บันทึกการเข้า
benzkung
PREVILEGE MEMBER
กระทู้: 5,160
Total likes: 117
คะแนนพิเศษ: +1/-0
Re: อัพเดด ข่าวเศรษฐกิจ
«
ตอบกลับ #47 เมื่อ:
สิงหาคม 03, 2017, 10:51:19 PM »
"กรอ." เผยยอดขอใบอนุญาตตั้ง - ขยายโรงงานเดือน ก.ค. ทั้งสิ้น 404 โรงงานเพิ่มขึ้น 4.39 % มูลค่าลงทุน 3.9 หมื่นล้านบาท หลังเอกชนมั่นใจนโยบายรัฐ
นายมงคล พฤกษ์วัฒนา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เปิดเผยถึงภาวะการตั้งโรงงานว่า การขอใบอนุญาตประกอบกิจการ ร.ง.4 และการขยายกิจการในเดือนก.ค. 2560 มีจำนวนโรงงานขอทั้งสิ้น 404 โรงงาน เพิ่มขึ้น 4.39 % มูลค่าการลงทุนรวม 39,848 ล้านบาท โดยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2559 เพิ่มขึ้น 31.52 % โดยแบ่งเป็น 1. กลุ่มจดประกอบกิจการจำนวน 333 โรงงาน เพิ่มขึ้น 7.07% แรงงานจำนวน8,558 คน เพิ่มขึ้น 27.81% มูลค่าการลงทุนมูลค่า 25,123 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.28% 2. กลุ่มขยายกิจการจำนวน 71 โรงงาน เพิ่มขึ้น 26.79% แรงงานจำนวน 7,425 คน เพิ่มขึ้น 61.27% มูลค่าการลงทุน 14,724 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.04%
"การขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมในช่วงเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากผู้ประกอบการและนักลงทุนมีความเชื่อมั่นกับนโยบายของรัฐบาลและภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ดีขึ้น พร้อมกับเป็นช่วงครึ่งปีหลังที่ผู้ประกอบการส่วนมากจะมีการลงทุนที่สูงขึ้นจึงส่งผลให้ยอดการจดประกอบขยายโรงงานเพิ่มขึ้น"
ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการจดประกอบกิจการใหม่และขยายโรงงานมากที่สุด 3 อันดับแรกในเดือนม.ค. - ก.ค. ปี 2560 คือ 1.อุตสาหกรรมอาหาร 412 โรงงาน เพิ่มขึ้น 11.35% มูลค่าการลงทุนอยู่ที่ 30,035 ล้านบาท เพิ่มขึ้น17.44% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 2. อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์โลหะ 262 โรงงาน เพิ่มขึ้น 12.45% มูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 15,685 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.54% 3.อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อโลหะ 227 โรงงาน เพิ่มขึ้น 6.27% มูลค่าการลงทุน 8,694 ล้านบาท ลดลง 38.34%
สำหรับข้อมูลการขอใบอนุญาตประกอบกิจการและขยายกิจการโรงงานเดือนมกราคม – กรกฎาคม2560 มีจำนวน 2,883 โรงงาน แรงงาน 122,917 คน มูลค่าการลงทุนรวม 259,316 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีตัวเลข จำนวน 2,829 โรงงาน มูลค่าการลงทุน 258,952 ล้านบาท
บันทึกการเข้า
benzkung
PREVILEGE MEMBER
กระทู้: 5,160
Total likes: 117
คะแนนพิเศษ: +1/-0
Re: อัพเดด ข่าวเศรษฐกิจ
«
ตอบกลับ #48 เมื่อ:
สิงหาคม 03, 2017, 10:52:18 PM »
เดือน ส.ค. ของทุกปีที่มีเทศกาลสำคัญวันแม่ หรือ เรียกว่าเป็น “เดือนแห่งผู้หญิง” นับเป็นโอกาสของภาคธุรกิจในการใช้ “ซีซันนอล มาร์เก็ตติ้ง” กระตุ้นกำลังซื้อ
พร้อมขยายผลเป้าหมายไปยัง "ผู้หญิงทุกเซ็กเมนต์” โดยเฉพาะ “สายการบิน” เปิดความร่วมมือทำตลาดร่วมกับภาครัฐในโครงการ Women's Journey Thailand เพื่อขับเคลื่อนยอดขายในช่วงโลว์ซีซัน จากข้อมูลของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่า แม้ว่านักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาไทยจะยังมีสัดส่วนผู้ชายมากกว่า แต่รอบ 2 ปีที่ผ่านมา การเติบโตของ “กลุ่มผู้หญิง” สูงขึ้นถึง 35% ขณะที่กลุ่มผู้ชายขยายตัว 9% แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของกำลังซื้อที่ใกล้เคียงกันในอนาคตอันใกล้
อัศวิน ยังกีรติวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทย ไลอ้อน แอร์ กล่าวว่า ช่วงเดือน ส.ค.ได้เข้าร่วมโครงการ Women's Journey Thailand กับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มุ่งเจาะกลุ่มครอบครัวที่นิยมพาแม่เที่ยวเฉลิมฉลองในเทศกาลนี้ โดยแบ่งรูปแบบกลยุทธ์ให้ราคาพิเศษในราคาต่ำกว่า 1,000 บาท และจูงใจด้วยสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมที่ปกติเป็นค่าใช้จ่ายในสายการบินโลว์คอสท์ เช่น เลือกที่นั่งและน้ำหนักกระเป๋าโหลดใต้ท้องเครื่อง ซึ่งกำหนดการจองในช่วงเครื่องเดือนแรก แต่ขยายเวลาเดินทางถึงวันที่ 31 มี.ค.2561 เพื่อให้ผู้บริโภควางแผนเดินทางล่วงหน้าระยะยาว
“การจัดโปรโมชั่นเพื่อเร่งการตัดสินใจของลูกค้า จำเป็นต้องมีต่อเนื่อง จากการแข่งขันของสายการบินโลว์คอสท์ที่มีสูง และกดดันด้วยภาวะที่ทุกสายการบินมีข้อจำกัดในการขยายเส้นทางบินใหม่ๆ เพราะไทยอยู่ระหว่างแก้ไขธงแดงขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอซีเอโอ) ขณะที่กำลังซื้อในประเทศเริ่มอ่อนตัวลง”
ศรีสุดา วนภิญโญศักดิ์ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า โครงการ Women's Journey Thailand เป็นปีที่ 2 ตั้งเป้าหมายการรับรู้ 20 ล้านครั้งทั่วโลก ได้ความร่วมมือจากธุรกิจท่องเที่ยวและบริการกว่า 600 ราย เพิ่มขึ้น 100 รายจากปีที่ผ่านมา เพื่อปูพรมการทำตลาดและประชาสัมพันธ์ความพร้อม
“เป็นประเทศเดียวในเอเชียขณะนี้ที่ประกาศความพร้อมชัดเจนว่าจะรุกทำตลาดผู้หญิงเพิ่มขึ้น เปลี่ยนมุมมองจากเดิมที่นักท่องเที่ยวจากหลายประเทศ ยังมีสัดส่วนผู้ชายมากกว่าผู้หญิง”
ยกตัวอย่าง ญี่ปุ่น ที่นักท่องเที่ยวชายมีสัดส่วนราว 72% เทียบนักท่องเที่ยวหญิงมีเพียง 28% เนื่องจากฐานตลาดเติบโตมาจากนักธุรกิจที่เดินทางเข้ามาทำงานพร้อมท่องเที่ยว ซึ่งในอดีตกลุ่มผู้หญิงทำงานในญี่ปุ่นยังไม่ขยายมากเท่าปัจจุบัน เช่นเดียวกับตลาดเอเชียใต้ ที่ยังมีส่วนแบ่งนักท่องเที่ยวชายสูงกว่า เช่น อินเดีย มีนักท่องเที่ยวชายในสัดส่วน 69% เทียบผู้หญิง 31% แต่เริ่มมีส่วนแบ่งของผู้ชายที่มีการเก็บสถิติล่าสุดในปี 2558 กลับมีการเติบโตเพียง 8% ชะลอตัวกว่ากลุ่มผู้หญิงจากอินเดียที่เพิ่มขึ้นถึง 33%
ดังนั้น เพื่อสร้างการรับรู้ควบคู่กับแผนการเจาะลึกตลาดผู้หญิงในทุกเซ็กเมนต์ ในปี 2561 ยังเตรียมขยายผลต่อเนื่อง โดยขอความร่วมมือกับผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค ที่มีผลิตภัณฑ์สำหรับกลุ่มผู้หญิง เช่น เครือสหพัฒน์ เข้าร่วมโครงการและขยายพื้นที่ครอบคลุมทั่วประเทศ และร่วมกับเซ็นทรัลและเดอะมอลล์ ทำตลาดและประชาสัมพันธ์ในวงกว้าง
ทุกตลาดได้รับมอบหมายให้วางกลยุทธ์เจาะกลุ่มผู้หญิง แต่จะจับเซ็กเมนต์ย่อยต่างกันไปตามศักยภาพของตลาด เช่น ไต้หวัน ฮ่องกง ญี่ปุ่น มุ่งผู้หญิงวัยทำงาน ส่วนเวียดนาม หรือในอาเซียน เจาะกลุ่มครอบครัว สหรัฐ จับตลาดผู้หญิงสูงอายุที่ไม่มีบุตรของตัวเอง หรือที่เรียกว่ากลุ่ม PANK (Professional Aunt, No Kids) มีฐานะดีพร้อมจับจ่ายเต็มที่เพื่อหลานๆ รวมถึงการพาเดินทางท่องเที่ยว
เพลินพิศ โกศลยุทธสาร ผู้อำนวยการแผนกส่งเสริมการตลาด สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส กล่าวว่า กลุ่มผู้หญิง ถือเป็น“ผู้ตัดสินใจ” เกี่ยวกับการเดินทางท่องเที่ยวของกลุ่มครอบครัวหรือเพื่อนฝูง โดยมองว่ารูปแบบสิทธิประโยชน์ที่ให้จะจูงใจให้เกิดการเดินทาง จับจ่ายใช้สอยเดือน ส.ค.มากขึ้น เมื่อพ้นจากช่วงเทศกาลไปแล้ว ยังมีโครงการเจาะกลุ่มผู้หญิงในเซกเมนต์ต่างๆ ต่อเนื่องไปถึงสิ้นปี 2560 ด้วย
สำหรับความร่วมมือกับ ททท.ในโครงการนี้เป็นปีที่ 2 กำหนดสิทธิประโยชน์สำหรับกลุ่มเป้าหมายผู้หญิง อาทิ บัตรโดยสารราคาเฉลี่ย 1,000 บาท สำหรับเส้นทางท่องเที่ยวที่วางไว้ ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง สุโขทัย ภูเก็ต กระบี่ และ ตราด พร้อมทั้งให้สิทธิโหลดน้ำหนักกระเป๋าเพิ่มจาก 20 เป็น 30 กิโลกรัม ซึ่งได้รับความร่วมมือจากธุรกิจบริการอื่นๆ ได้แก่ โรงแรม ร้านอาหาร สปา ศูนย์บริการความงาม ที่เห็นศักยภาพของกำลังซื้อกลุ่มนี้โดยเฉพาะ
นอกจากนั้น ยังถือเป็นแคมเปญปลุกกำลังซื้อช่วงโลว์ซีซันที่ร่วมกับ ททท.ต่อเนื่อง หลังผ่านโครงการไทยแลนด์ ชอปปิง แอนด์ ไดน์นิ่ง พาราไดส์ 2017 ในเดือน มิ.ย.-ก.ค.มาแล้ว
นอกจาก ไทย ไลอ้อน แอร์ และ บางกอกแอร์เวย์ส สายการบินอื่นๆ ที่เข้าร่วม อาทิ การบินไทย จัดบริการพิเศษช่องเลดี้ เช็คอินน์ สำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ และเปิดช่อง “พิงค์ เลน” สำหรับเคาน์เตอร์ในต่างประเทศที่ เซี่ยงไฮ้ และเฉินตู ประเทศจีน ส่วน ไทยสมายล์ จัดโปรโมชั่นบัตรราคาพิเศษ และเมนูอาหารในคอนเซปต์ “พิงค์เมนู” สายการบินนกสกู๊ต ให้โปรโมชั่นราคาพิเศษและน้ำหนักกระเป๋า พร้อมสิทธิในการขึ้นเครื่องบินก่อนในทุกเที่ยวบินระหว่างวันที่ 11-13 ส.ค.
บันทึกการเข้า
benzkung
PREVILEGE MEMBER
กระทู้: 5,160
Total likes: 117
คะแนนพิเศษ: +1/-0
Re: อัพเดด ข่าวเศรษฐกิจ
«
ตอบกลับ #49 เมื่อ:
สิงหาคม 03, 2017, 10:53:21 PM »
“อีสปอร์ต” การแข่งขันเกมออนไลน์ที่เข้าสู่การเป็นอาชีพที่ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง กำลังจะเป็นอีกช่องทางสำคัญที่การท่องเที่ยวไทยจะเข้าไปใช้สร้างฐานลูกค้า โดยอาศัยความได้เปรียบเรื่องการพัฒนาสนามแข่งและนักกีฬาของไทยอย่างเป็นระบบมากขึ้น
ศรีสุดา วนภิญโญศักดิ์ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท.อยู่ระหว่างศึกษาและเตรียมแผนส่งเสริมตลาดนักท่องเที่ยววัยรุ่น มุ่งเป้ากลุ่มเกมเมอร์ออนไลน์ที่ร่วมแข่งขันใน “อีสปอร์ต” เจาะภูมิภาคเอเชียโดยเฉพาะ หลังพบว่าแนวโน้มการเติบโตในภูมิภาคนี้สูงมาก รวมถึงในไทยที่เริ่มมีการพัฒนาสถานที่ฝึกซ้อมและแข่งขันโดยเฉพาะจากการลงทุนและสนับสนุนของภาคเอกชน ประกอบกับเด็กไทยเริ่มมีฝีมือมากขึ้น จึงเป็น 2 ปัจจัยที่ส่งให้ไทยพร้อมดึงดูดกลุ่มผู้เล่นและผู้ติดตามให้มาเยือนไทย พร้อมกับท่องเที่ยวเส้นทางต่างๆ ตามแผนกลยุทธ์การส่งเสริมตลาด ที่มีสินค้าตอบสนองความสนใจเฉพาะกลุ่มรุ่นใหม่หลากหลาย
เบื้องต้น ททท.หารือกับ บริษัท ทีซีซี แลนด์ แอสเสท เวิรด์ จำกัด ผู้บริหาร “พันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ” ซึ่งเปิดให้บริการพันธุ์ทิพย์ อี-สปอร์ต อารีน่า เพาเวอร์ บาย อินเทล มาราว 1 ปี โดยมีแผนส่งเสริมตลาดนักท่องเที่ยวตลาดเอเชียให้มาแข่งหรือมาชม เน้น เวียดนาม, เกาหลีใต้, จีน และมีแผนที่จะร่วมกับพันธมิตร เช่น ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ในการจัดทัวร์นาเมนต์ในไทย นำเกมเมอร์ที่เป็นดาวดังมาร่วมแข่งขันเพื่อดึงดูดผู้ชม ซึ่งนอกจากจะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวแล้ว อุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง อาทิ อุปกรณ์และซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ก็จะมียอดขายเติบโตตามไปด้วย
“ต้องการยกระดับอีสปอร์ตของไทยให้มีชื่อเสียงอันดับต้น ๆ ของเอเชีย ซึ่งหากสำเร็จจะถือเป็นกลุ่มสินค้าใหม่ และเป็นตลาดที่ใหม่มาก ๆ แต่เป็นอนาคตที่ต้องจับตามอง โดยเฉพาะตลาดซีแอลเอ็มวี (กัมพูชา, ลาว, เมียนมา, เวียดนาม) หากคิดถึงอีสปอร์ตต้องนึกถึงจุดหมายในไทยเป็นอันดับแรก”
ทั้งนี้ในระดับโลก อีสปอร์ตมียอดผู้ชมเพิ่มขึ้นจาก 204 ล้านคนในปี 2557 เป็น 292 ล้านคนในปีที่ผ่านมา เติบโตกว่า 43% และทั่วโลกมีการแข่งขันรวมกว่า 3,877 ทัวร์นาเมนต์
ด้านวีรฤทธิ์ สมบูรณ์ทรัพย์ ผู้จัดการบริหารทรัพย์สิน ศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์ กล่าวว่า หลังเปิดตัวอารีน่าได้รับการตอบรับที่ดี เนื่องจากมีค่ายเกมที่นำทัวร์นาเมนต์หลายระดับเข้ามาจัดแข่งขันต่อเนื่อง และมีผู้ให้ความสำคัญสนับสนุนการพัฒนานักกีฬาไทยมากขึ้น โดยในช่วงเสาร์-อาทิตย์ จะเป็นกิจกรรมการแข่งขัน ส่วนวันธรรมดาเป็นการฝึกซ้อมและอบรมต่าง ๆ ซึ่งที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า อีสปอร์ต ไม่ได้ทำให้การแข่งขันเติบโตเท่านั้น แต่ยังมีธุรกิจเกี่ยวเนื่องได้รับผลดีตามไปด้วย เพราะฐานลูกค้าที่ขยายตัวจากเดิมที่เป็นกลุ่มเด็กมัธยม เริ่มไปสู่กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัย และเริ่มไปแตะกลุ่มคนทำงานมากขึ้นแล้ว
การมีอีสปอร์ต อารีน่า ในไทย ทำให้ผู้จัดการแข่งขันพิจารณาไทยเป็นทางเลือกในการจัดทัวร์นาเมนต์มากขึ้นเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กไทยได้พัฒนาฝีมือ ดึงดูดผู้เล่นผู้ชมในเอเชีย ดังนั้นบริษัทจึงมีแผนการพัฒนาอีสปอร์ต อารีน่า ที่เชียงใหม่อีก 1 แห่งบนพื้นที่ราว 700 ตร.ม.โดยรีโนเวทจากพื้นที่ศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์ พลาซ่า เชียงใหม่ ใช้โมเดลเดียวกับที่กรุงเทพฯ เนื่องจากเห็นฐานตลาดผู้เล่นเกมในภาคเหนือที่เติบโตขึ้น
สิริเกศอนงค์ ไตรรัตนทรงพล ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานโซล กล่าวว่า ททท.มีแผนทำตลาดเกมเมอร์ในกีฬาอีสปอร์ตในตลาดเกาหลีใต้ เน้นกลุ่มคนรุ่นใหม่ตั้งแต่เจนวายลงมา เนื่องจากกำลังเป็นที่นิยมมาก รัฐบาลให้ความสำคัญในการส่งเสริมและมีบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านบันเทิงในเครือซีเจร่วมโปรโมท
ทั้งนี้เกาหลีใต้มี “อีสเตเดียม” ใหญ่ติดอันดับในภูมิภาค แสดงให้เห็นถึงความนิยมทั้งในกลุ่มเกมเมอร์ และผู้ติดตามที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น และในวงการเกมเมอร์ระดับท็อป 20 ของโลก ก็มีชาวเกาหลีใต้รวมกลุ่มจำนวนมาก ดังนั้น หากเข้าไปสร้างแบรนดิ้งด้านการท่องเที่ยวเกาะกระแสไปกับกลุ่มนี้ได้ ก็จะสร้างฐานตลาดคนรุ่นใหม่ สร้างความเหนียวแน่นเมื่อกลุ่มนี้พัฒนาสู่กำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นในอนาคต
สำหรับฐานประชากรของเกาหลีใต้ในปี 2560 จำนวน 51.1 ล้านคน แม้จะเคลื่อนเข้าสู่สังคมอายุเช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ มีกลุ่มคนอายุ 40-59 ปีมากที่สุด รวมกว่า 17 ล้านคน แต่สำหรับกลุ่มคนอายุ 20-39 ปี ก็มีสัดส่วนถึง 14.4 ล้านคน
สาริมา จินดามาตย์ ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานฮ่องกง กล่าวว่า เตรียมเจาะตลาดอีสปอร์ต เพื่อเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ในฮ่องกงที่หันมานิยมกีฬานี้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้สอดคล้องกับเป้าหมายในการผลักดันนักท่องเที่ยวเดินทางมาครั้งแรก (First Visit) ด้วย เพราะพฤติกรรมของวัยรุ่นในฮ่องกง นิยมการ์ตูนและเกมออนไลน์จากญี่ปุ่นมาก และเริ่มมีการจัดทีมแข่งขันในลีกอาชีพมากขึ้น ดังนั้น หากอาศัยจังหวะนำเมืองไทยเข้าไปโปรโมตให้เป็นที่รู้จักของกลุ่มนี้ ก็น่าจะเป็นโอกาสในการปลูกสร้างตลาดที่มีศักยภาพในอนาคตด้วย
บันทึกการเข้า
พิมพ์
หน้า:
1
[
2
]
3
4
...
9
ขึ้นบน
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
Music Massage by Pong: นวดประกอบเพลงโดยพงษ์
»
Members' Forum
»
มุมทั่วไป มุมความรู้ เคล็ดลับต่างๆ เทคโนโลยีใหม่ๆ
(ผู้ดูแล:
admin
) »
อัพเดด ข่าวเศรษฐกิจ
Calendar
กุมภาพันธ์ 2025
อา.
จ.
อ.
พ.
พฤ.
ศ.
ส.
1
2
[3]
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
- Today's Events -
⛔️Close service(หยุดให้บริการ)
- Today's Events -
⛔️Close service(หยุดให้บริการ)
- Birthdays -
Prasert (2006)
- Today's Events -
❌14.00(Booked)
❌20.00(Booked)
❌12.00(Booked)
🔵16.00Cleaning(งดให้บริการ)
❌18.00(Booked)
- Today's Events -
❌14.00(Booked)
❌20.00(Booked)
❌12.00(Booked)
🔵16.00Cleaning(งดให้บริการ)
❌18.00(Booked)
- Birthdays -
ball_y1248 (38)
- Today's Events -
❌14.00(Booked)
❌20.00(Booked)
❌12.00(Booked)
🔵16.00Cleaning(งดให้บริการ)
❌18.00(Booked)
- Today's Events -
❌20.00(Booked)
❌14.00(Booked)
❌12.00(Booked)
🔵16.00Cleaning(งดให้บริการ)
❌18.00(Booked)
- Birthdays -
psyThink (48)
- Today's Events -
❌12.00(Booked)
🔵16.00Cleaning(งดให้บริการ)
❌18.00(Booked)
❌14.00(Booked)
❌20.00(Booked)
- Holidays -
⛔️Close service(หยุดให้บริการ)
- Today's Events -
⛔️Close service(หยุดให้บริการ)
- Birthdays -
Shinjuku (44)
- Today's Events -
⛔️Close service(หยุดให้บริการ)
- Today's Events -
❌20.00(Booked)
✅14.00(Free)
❌18.00(Booked)
✅12.00(Free)
🔵16.00Cleaning(งดให้บริการ)
- Birthdays -
Miminpp (32)
- Today's Events -
❌20.00(Booked)
❌18.00(Booked)
✅12.00(Free)
🔵16.00Cleaning(งดให้บริการ)
- Today's Events -
❌12.00(Booked)
✅20.00(Free)
✅18.00(free)
❌14.00(Booked)
🔵16.00Cleaning(งดให้บริการ)
- Today's Events -
❌20.00(Booked)
❌18.00(Booked)
✅14.00(Free)
✅12.00(Free)
🔵16.00Cleaning(งดให้บริการ)
- Birthdays -
jack (40)
- Today's Events -
❌18.00(Booked)
❌12.00(Booked)
✅14.00(Free)
🔵16.00Cleaning(งดให้บริการ)
- Today's Events -
⛔️Close service(หยุดให้บริการ)
- Today's Events -
⛔️Close service(หยุดให้บริการ)
- Today's Events -
❌20.00(Booked)
❌18.00(Booked)
❌12.00(Booked)
❌14.00(Booked)
🔵16.00Cleaning(งดให้บริการ)
- Today's Events -
❌20.00(Booked)
❌18.00(Booked)
❌12.00(Booked)
❌14.00(Booked)
🔵16.00Cleaning(งดให้บริการ)
- Today's Events -
❌12.00(Booked)
❌14.00(Booked)
❌20.00(Booked)
✅18.00(free)
🔵16.00Cleaning(งดให้บริการ)
- Birthdays -
nattyboyza (40)
- Today's Events -
❌18.00(Booked)
❌20.00(Booked)
🔵16.00Cleaning(งดให้บริการ)
- Today's Events -
❌20.00(Booked)
🔵16.00Cleaning(งดให้บริการ)
❌12.00(Booked)
✅18.00(free)
- Today's Events -
⛔️Close service(หยุดให้บริการ)
- Today's Events -
⛔️Close service(หยุดให้บริการ)
- Birthdays -
FC@P (25)
- Today's Events -
❌20.00(Booked)
🔵16.00Cleaning(งดให้บริการ)
- Today's Events -
❌20.00(Booked)
❌12.00(Booked)
🔵16.00Cleaning(งดให้บริการ)
- Today's Events -
❌18.00(Booked)
❌20.00(Booked)
🔵16.00Cleaning(งดให้บริการ)
- Today's Events -
❌18.00(Booked)
❌20.00(Booked)
🔵16.00Cleaning(งดให้บริการ)
- Today's Events -
❌20.00(Booked)
🔵16.00Cleaning(งดให้บริการ)
No calendar events were found.