การค้นพบล่าสุดเกี่ยวกับโทษของชาดำนั้นเกิดขึ้นเมื่อชายชาวอเมริกันวัย 56 ปี จากรัฐอาร์คันซอมาที่โรงพยาบาลด้วยอาการคลื่นไส้ อ่อนเพลีย และปวดเมื่อยตามร่างกาย และเมื่อวินิจฉัยแล้วก็พบว่าไตของชายผู้นี้ เกิดการอุดตันอย่างรุนแรง และพบการอักเสบร้ายแรงที่ทำให้ชายคนนี้ต้องฟอกไตไปตลอดชีวิต
เมื่อสอบถามประวัติในการรับประทานอาหารก็พบว่า ชายคนนี้ดื่มชาดำเย็นถึงวันละ 16 แก้วต่อวัน ซึ่งในชาดำนั้นมีสารเคมีที่มีชื่อว่า ออกซาเลท (Oxalate) ซึ่งเป็นสารที่มีความอันตราย และเป็นสาเหตุของการเกิดนิ่วในไตหรือภาวะไตวาย หากรับประทานมากจนเกินไป
แพทย์หญิง Umbar Ghaffar แห่งภาควิชาวิทยาศาสตร์การแพทย์จากมหาวิทยาลัยรัฐอาร์คันซอ ใน Little Rock ได้เปิดเผยว่า ในกรณีของชายจากรัฐอาร์คันซอวัยเป็นกรณีที่หาได้ยากเนื่องจากการรับประทานอาหารที่มีสารออกซาเลท เป็นประจำนั้นไม่ได้ทำให้เกิดภาวะไตวายหรือนิ่วในไตได้แต่อย่างใด เพียงแต่อาจจะทำให้เกิดปัญหาในระบบลำไส้เท่านั้น นอกจากนี้สารออกซาเลทก็ไม่ได้มีแค่เพียงในชาดำเท่านั้น แต่ยังมีในผักโขม, รูห์บาร์บ (Rhubarb), ถั่ว, รำข้าวสาลี และช็อกโกแลต อีกด้วย
ขณะที่นายแพทย์ Randy Luciano ผู้เชี่ยวชาญด้านไตจากคณะแพทย์ศาสตร์ในมหาวิทยาลัยเยล ระบุว่า เรื่องนี้อาจทำให้หลาย ๆ คนไม่กล้าดื่มชาดำเย็นอีก แต่ก็ขอบอกว่าการดื่มชาดำก็ไม่ได้ทำให้เป็นไตวายเสมอไป ไม่จำเป็นที่จะต้องถึงขั้นหยุดดื่มชาดำ แค่เพียงดื่มในปริมาณที่เหมาะสมเท่านั้นก็รับรองว่าปลอดภัยอย่างแน่นอน
ไม่ว่าจะเครื่องดื่มหรืออาหารชนิดใดที่เรารับประทาน แม้จะดีต่อสุขภาพก็จริง แต่การรับประทานมากเกินไปก็ให้โทษด้วยกันทั้งนั้น ฉะนั้น ความพอเหมาะจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด หากเราเลือกรับประทานอาหารได้อย่างเหมาะสมร่างกายก็จะได้รับประโยชน์จากอาหารเหล่านั้นอย่างเต็มประสิทธิภาพแน่นอน